siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

ทำความเข้าใจ eGFR และคำถามพบบ่อยเกี่ยวกับโรคไต

อัตราการกรองของไตโดยประมาณ (Estimated Glomerular Filtration Rate: eGFR) เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินการทำงานของไต ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของไตในการกรองของเสีย เช่น ครีเอตินีน ออกจากกระแสเลือด บทความนี้จะอธิบายความหมายของ eGFR วิธีการคำนวณ การตีความผล และแนวทางการปฏิบัติสำหรับความรุนแรงของโรคไตแต่ละระยะ โดยอ้างอิงตามแนวทางสากล เช่น Kidney Disease: Improving Global Outcomes (KDIGO) เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง



อัตราการกรองของไต (eGFR) คืออะไร?

eGFR คือการวัดปริมาณเลือดที่ไตสามารถกรองได้ต่อนาที โดยคำนวณจากระดับครีเอตินีนในเลือด อายุ เพศ และบางครั้งรวมถึงเชื้อชาติ หน่วยของ eGFR คือ มล./นาที/1.73 ตร.ม. (มิลลิลิตรต่อนาทีต่อพื้นที่ผิวกาย 1.73 ตารางเมตร) ครีเอตินีนเป็นของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญของกล้ามเนื้อ ซึ่งไตที่มีสุขภาพดีจะกรองและขับออกทางปัสสาวะ หากไตทำงานผิดปกติ ระดับครีเอตินีนในเลือดจะสูงขึ้น ส่งผลให้ eGFR ลดลง

เหตุใด eGFR จึงมีความสําคัญ

eGFR มีความสําคัญต่อการตรวจหาสัญญาณเริ่มต้นของความเสียหายของไตและโรคไตเรื้อรัง ช่วยให้แพทย์:

วิธีการคำนวณ eGFR

eGFR สามารถคำนวณได้โดยใช้สูตรต่อไปนี้ ซึ่งพิจารณาจากระดับครีเอตินีนในเลือด อายุ เพศ และบางครั้งเชื้อชาติ:

1. Cockcroft-Gault Formula

สูตรนี้ใช้ในการประมาณ Creatinine Clearance (CrCl) ซึ่งใกล้เคียงกับ eGFR:

CrCl = [(140 - อายุ) × น้ำหนัก (กก.)] / (72 × Scr) × (0.85 หากเป็นผู้หญิง)

ตัวอย่าง: ชายอายุ 50 ปี น้ำหนัก 70 กก. ระดับครีเอตินีน 1.2 มก./ดล.

CrCl = [(140 - 50) × 70] / (72 × 1.2) = 72.92 มล./นาที

2. CKD-EPI Formula

สูตร CKD-EPI เป็นที่นิยมในทางคลินิก เนื่องจากมีความแม่นยำสูง โดยเฉพาะในผู้ที่มี eGFR ใกล้ปกติ:

eGFR = 141 × min(Scr/κ, 1)^α × max(Scr/κ, 1)^-1.209 × 0.993^อายุ × (1.018 หากเป็นผู้หญิง) × (1.159 หากเป็นคนผิวดำ)

3. การเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมง

วิธีนี้วัด CrCl โดยตรง:

CrCl = (Ucr × V) / Scr

ข้อจำกัด: วิธีนี้มีความยุ่งยากและอาจมีข้อผิดพลาดจากการเก็บปัสสาวะไม่ครบถ้วน

การตีความผล eGFR

ระยะ eGFR (มล./นาที/1.73 ตร.ม.) การทำงานของไต คำอธิบาย
G1 ≥90 ปกติหรือสูง การทำงานของไตปกติ แต่มีหลักฐานของโรคไต เช่น โปรตีนในปัสสาวะ
G2 60–89 ลดลงเล็กน้อย การทำงานของไตลดลงเล็กน้อย อาจมีหลักฐานของโรคไต
G3a 45–59 ลดลงปานกลาง การทำงานของไตลดลงปานกลาง ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
G3b 30–44 ลดลงปานกลางถึงรุนแรง การทำงานของไตลดลงมาก อาจมีอาการ เช่น บวมหรือความดันโลหิตสูง
G4 15–29 ลดลงรุนแรง การทำงานของไตลดลงอย่างมาก อาจต้องเตรียมการฟอกไต
G5 น้อยกว่า15 ไตวาย ภาวะไตวาย ต้องฟอกไตหรือปลูกถ่ายไต

การตีความผลลัพธ์ eGFR

ผลลัพธ์ eGFR มักจะให้หน่วยเป็นมิลลิลิตรต่อนาทีต่อพื้นที่ผิวกาย 1.73 ตารางเมตร (มล./นาที/1.73 ตร.ม.) นี่คือสิ่งที่ตัวเลขโดยทั่วไประบุ:

หมายเหตุสำคัญ:การหารือเกี่ยวกับผล eGFR กับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณถือเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ให้บริการสามารถตีความผลของคุณได้อย่างถูกต้องโดยคำนึงถึงสุขภาพโดยรวมและประวัติการรักษาของคุณ

หมายเหตุ:

gfr

ข้อควรระวังในการตีความ eGFR

ปัจจัยที่มีผลต่อ eGFR

มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ eGFR ได้แก่:

ด้วยเหตุผลนี้เองที่ผู้ป่วย (และแพทย์บางคน) บางครั้งอ้าง eGFR เป็นเปอร์เซ็นต์ของการทำงานของไตตามปกติ แม้ว่าจะไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง แต่ก็ช่วยให้ตัวเลขเข้าใจง่ายขึ้น

ความเสียหายของไตแบ่งออกเป็น 5 ระดับตาม eGFR – ดูระยะของ CKD ระบบการจัดเตรียมนี้มีประโยชน์เมื่อวางแผนการจัดการและติดตามผล

ผู้ป่วยที่มี eGFR >60 มล./นาที/1.73 ตร.ม. ไม่ควรจัดว่าเป็น CKD เว้นแต่จะมีหลักฐานอื่น ๆ ของโรคไตอยู่

หลักฐานโรคไตที่อาจปรากฏ ได้แก่

ผู้ป่วยที่มีหลักฐานโรคไตและ eGFR >90 มล./นาที/1.73 ตร.ม. จัดอยู่ในระยะ G1

และผู้ที่มี eGFR 60-90 มล./นาที/ 1.73m2 เป็นเวที G2

ที่สำคัญ ผู้ป่วยที่มี eGFR >60 มล./นาที/1.73 ตร.ม. และไม่มีหลักฐานโรคไตอื่น ๆ ควรพิจารณาว่ามีการทำงานของไตตามปกติ และไม่ระบุว่ามี CKD

แนวทางการปฏิบัติตามระยะของโรคไต

เพื่อให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถจัดการโรคไตได้อย่างเหมาะสม แนวทางการปฏิบัติตามระยะของ CKD มีดังนี้:

ระยะ G1 และ G2 (eGFR ≥60 มล./นาที/1.73 ตร.ม.)

ระยะ G3a และ G3b (eGFR 30–59 มล./นาที/1.73 ตร.ม.)

ระยะ G4 (eGFR 15–29 มล./นาที/1.73 ตร.ม.)

ระยะ G5 (eGFR <15 มล./นาที/1.73 ตร.ม.)

การป้องกันและรักษาสุขภาพไต

เพื่อป้องกันการลุกลามของโรคไตและรักษาการทำงานของไต:

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคไต (FAQ)

โรคไตเรื้อรัง (CKD) คืออะไร และมีอาการอย่างไร?

โรคไตเรื้อรังคือภาวะที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างค่อยเป็นค่อยไปนานกว่า 3 เดือน อาการอาจรวมถึงอ่อนเพลีย บวม ปัสสาวะผิดปกติ ความดันโลหิตสูง หรือคันผิวหนัง ควรตรวจสุขภาพไตเป็นประจำเพื่อตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ

การฟอกไต (Dialysis) คืออะไร และจำเป็นเมื่อใด?

การฟอกไตช่วยกำจัดของเสียและน้ำส่วนเกินเมื่อไตทำงานไม่เพียงพอ มักจำเป็นเมื่อ eGFR น้อยกว่า15 มล./นาที/1.73 ตร.ม. มีสองประเภทคือ hemodialysis และ peritoneal dialysis ซึ่งในประเทศไทยมีนโยบาย Peritoneal Dialysis First

ภาวะไตวาย (Kidney Failure) สามารถป้องกันได้หรือไม่?

สามารถป้องกันหรือชะลอได้โดยควบคุมเบาหวาน ความดันโลหิต หลีกเลี่ยงยาที่เป็นพิษต่อไต และรับประทานอาหารเกลือต่ำ การตรวจ eGFR เป็นประจำช่วยตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ

โปรตีนในปัสสาวะ (Proteinuria) บ่งชี้ถึงอะไร และต้องทำอย่างไร?

โปรตีนในปัสสาวะบ่งชี้ความเสียหายของไต มักพบในโรคไตเรื้อรังหรือเบาหวาน ควรตรวจ UACR และใช้ยาเช่น ACE inhibitors เพื่อลดโปรตีน พร้อมควบคุมอาหารเกลือต่ำ

ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไต (Nephrologist) เมื่อใด?

ควรพบเมื่อ eGFR น้อยกว่า60 มล./นาที/1.73 ตร.ม. มีโปรตีนหรือเลือดในปัสสาวะ หรือมีอาการเช่น บวม อ่อนเพลีย หรือความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้

การป้องกันและรักษาสุขภาพไต

สรุป

eGFR เป็นเครื่องมือสำคัญในการวินิจฉัยและจัดการโรคไตเรื้อรัง การตีความผลต้องพิจารณาร่วมกับผลตรวจอื่น ๆ การปฏิบัติตามแนวทางในแต่ละระยะจะช่วยชะลอการลุกลามของโรคและปรับปรุงคุณภาพชีวิต ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำแนะนำเฉพาะบุคคล

ทบทวนวันที่: 18 เมษายน 2568
โดย:นพ.ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร

เพิ่มเพื่อน