หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
ภาวะไตอักเสบเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในโรคเอสแอลอี SLE พบเป็นอาการนำของโรคเอสแอลอี SLEร้อยละ 16 และพบภาวะไตอักเสบตลอดระยะเวลาของโรคเอสแอลอี มากกว่าร้อยละ 50 โดยผู้ป่วยที่มีไตอักเสบมักจะไม่มีอาการ แต่ตรวจพบจากการตรวจเลือด หากโรคเอสแอลอี เป็นมากขึ้นจึงจะเกิดอาการ อาการแสดงของภาวะไตอักเสบที่พบได้บ่อยคือ
การตรวจร่างกาย
การตรวจปัสสาวะ
การตรวจปัสสาวะ เป็นการตรวจคัดกรองภาวะไตอักเสบSLE ซึ่งควรตรวจเมื่อแรกวินิจฉัย และตรวจเป็นระยะในขณะติดตามการรักษา เช่น ทุก 1 ถึง 3 เดือน ในระยะที่โรคกำเริบ หรือทุก 3 ถึง 6 เดือน เมื่ออยู่ในระยะที่โรคสงบ หากพบว่าผู้ป่วยมีโปรตีนในปัสสาวะมากกว่าปกติ เช่น การตรวจแผ่นตรวจปัสสาวะพบโปรตีน 2 ถึง 3+ ซึ่งบางครั้งพบมีเลล์เม็ดเลือดในปัสสาวะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเม็ดเลือดแดงมากกว่า 5 เซลล์/ล้านกำลังขยาย 40 (จากปัสสาวะที่ไม่ได้ปั่น) ควรสงสัยภาวะไตอักเสบSLEและควรตรวจเพิ่มเติมอื่น ๆ ต่อไป
หากตรวจพบความผิดปกติดังกล่าวให้สงสัยว่าอาจจะมีการอักเสบของไตจากโรค SLE
การตรวจเลือด
ปริมาณโปรตีนในปัสสาวะจะบ่งบอกว่าโรคเป็นมากหรือไม่ หากโรคเป็นมากก็จะตรวจพบปริมาณโปรตีนมาก
ที่นิยมทำได้แก่
การตัดตรวจเนื้อเยื่อไต (kidney biopsy) เป็นการตรวจที่ดีที่สุด ในการให้การวินิจฉัยและในการแยกระดับไตอักเสบSLE นอกจากนี้การตัดตรวจเนื้อเยื่อไตยังให้ข้อมูลในการบอกพยากรณ์โรค การบอกความรุนแรงของโรค (activity index) และความเสื่อมของไต (chronicity index)
แต่สำหรับประเทศไทยในปัจจุบันนั้นอาจไม่สามารถทำการตัดตรวจเนื้อเยื่อไตในผู้ป่วยไตอักเสบSLEได้ทุกราย เนื่องจากความจำกัดของทรัพยากรบุคคล และขีดจำกัดของทรัพยากรต่าง ๆ ในโรงพยาบาลแต่ละระกับ ดังนั้นแพทย์อาจอาศัยการแสดง และการตรวจพบทางห้องปฏิบัติการทางคลินิกในการวิเคราะห์เบื้องต้น อย่างไรก็ตามในกรณีต่อไปนี้แพทย์ควรพิจารณาการตัดชิ้นเนื้อไตตรวจโดยไม่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่
ดังนั้นกรณีทั้ง 3 จึงเป็นกรณีที่การตัดตรวจเนื้อเยื่อไตมีความสำคัญในแง่การตัดสินใจของแพทย์ ในการปรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป หากผู้ป่วยอยู่ในสถานที่ที่ไม่สามารถทำการตรวจเนื้อเยื่อไตได้อาจพิจารณาส่งผู้ป่วยต่อไปยังแพทย์เฉพาะทาง แต่หากอยู่ในสถานที่ที่การตรวจเนื้อเยื่อไตทำได้สะดวก แพทย์บางท่านอาจทำการตัดตรวจเนื้อเยื่อไตในกรณีที่ต้องการทราบพยากรณ์โรค หรือกรณีต้องการทราบความรุนแรงของโรค และความเสื่อมของไต ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ตามความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย
เนื่องจากภาวะการอักเสบทางไตในโรคSLEมีความหลากหลาย ตั้งแต่ความรุนแรงน้อยไปจนถึงความรุนแรงมากจนอาจทำให้สูญเสียการทำงานของไตได้ ทั้งนี้เนื่องมาจากพยาธิสภาพความผิดปกติที่เกิดขึ้นที่ไตในผู้ป่วยโรคSLEนั้นอาจเกิดขึ้นได้ในหลากหลายตำแหน่งของไต ที่พบบ่อยได้แก่
ดังนั้นการประเมินในผู้ป่วยโรคไตอักเสบจึงเป็นสิ่งสำคัญต้องอาศัยข้อมูลจากหลาย ๆ ด้านประกอบกันในการประเมินความรุนแรงและการกำเริบของโรค ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป การอักเสบที่หน่วยไตในโรคSLEหรือที่เรียกว่าภาวะไตอักเสบSLE (lupus nephritis) อาจแบ่งได้ตามลักษณะทางพยาธิสภาพของเนื้อเยื่อไตเป็น 6 ระดับตาม International Society of Nephrology/Renal Pathology Society (ISN/RPS) ซึ่งมีการกำหนดขึ้นในปี พ.ศ. 2546
Class | Designation | Comment |
I | Normal | ยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นโรคไต |
II | Mesangial Nephritis | โรคไตอักเสบเล็กน้อยตอบสนองต่อการรักษาด้วย corticosteroids. |
III | Focal Proliferative Nephritis | เป็นระยะแรกของโรคไตรุนแรงต้องใช้ยา steroid ขนาดสูงในการรักษา ผลการรักษาดีมาก |
IV | Diffuse Proliferative Nephritis | เป็นโรคไตอักเสบรุนแรงซึ่งไตอาจจะเสื่อมต้องใช้ยา steroid ขนาดสูงร่วมกับยากดภูมิ |
V | Lupus Membranous Nephropathy | จะมีการเสียโปรตีนในปัสสาวะมาก การรักษาต้องได้ steroid ในขนาดสูง |
การประเมินระดับไตอักเสบSLEโดยอาศัยการแสดง เช่น
อาจช่วยในการแยกระดับไตอักเสบSLEได้คร่าว ๆ โดยในผู้ป่วยไตอักเสบSLE I และ II นั้นผู้ป่วยอาจมีความผิดปกติไม่มากส่วนใหญ่จะมีความดันโลหิตปกติ ตรวจไม่พบ หรือพบมีเม็ดเลือดในปัสสาวะจำนวนน้อย อาจมีโปรตีนไข่ขาวรั่วออกทางไตแต่ปริมาณไม่มากส่วนใหญ่จะน้อยกว่า 1 กรัม/วัน และการทำงานของไต ระดับคอมพลีเมนท์มักจะปกติ และการตรวจหาแอนติบอดีส่วนใหญ่ให้ผลลบ
การแยกระดับของไตอักเสบSLEที่มีความสำคัญมากในทางคลินิกคือการแยกผู้ป่วยไตอักเสบในระดับ III และระดับ IV เรียกรวมกันว่า proliferativ lupus nephritis (PLN) เนื่องจากไตอักเสบทั้งสองระดับนี้เป็นกลุ่มที่มีความผิดปกติของหน่วยไต จากการมีเซลล์อักเสบมายังหน่วยไตปริมาณมาก ซึ่งควรแยกออกจากกลุ่มไตอักเสบSLEระดับ V หรือเรียกว่า membranous lupus nephritis (MLN) ไตอักเสบSLEสองกลุ่มนี้มีแนวทางการรักษาและพยากรณ์โรคที่แตกต่างกัน จึงมีความสำคัญในการแยกผู้ป่วยไตอักเสบSLEทั้งสองกลุ่ม การอาศัยอาการ อาการแสดงและการตรวจพบทางห้องปฏิบัติการทางคลินิกในการวิเคราะห์แยกไตอักเสบSLE อาจสังเกตได้จากผู้ป่วยในกลุ่ม PLN
ส่วนในกลุ่ม membranous lupus nephritis (MLN) นั้นมักมี
อย่างไรก็ตามบางครั้งการวิเคราะห์ทางคลินิกอาจผิดพลาดได้ เนื่องจากความหลากหลายของอาการในผู้ป่วยไตอักเสบSLE และบางครั้งอาจพบลักษณะของทั้ง PLN และ MLN ในผู้ป่วยรายเดียวกัน ดังนั้น การตัดตรวจเนื้อเยื่อไตจึงเป็นการตรวจเพื่อบอกระดับไตอักเสบSLEที่แม่นยำที่สุด
การรักษาไตอักเสบในผู้ป่วยเอสแอลอี
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว