หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
ก่อนที่จดลดน้ำหนักคุณควรจะทราบเกณฑ์ที่บอกว่าอ้วน และเกณฑ์การวินิจฉัยว่าอ้วนลงพุงเพื่อที่จะวางแผนในการดูแลสุขภาพตัวเอง ผู้ที่อ้วยโดยเฉพาะอ้วนลงพุงอาจจะทำให้ไขมันคอเลสเตอรอล และไตร์กลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูง เกณฑ์ที่บอกว่าอ้วนหรืออ้วนลงพุง
รอบเอวสำหรับ | ความเสี่ยงเพิ่ม |
ผู้ชายยุโรป | 94 ซม (37 นิ้ว) |
ผู้ชายเอเซีย | 90 ซม |
ผู้หญิง |
80 ซม |
สำหรับผู้ชายเอเซียรวมทั้งชายไทยเมื่อมีเส้นรอบเอวมากกว่า 90 ซมหรือ34นิ้ว ส่วนผู้หญิงจะเริ่มอ้วนลงพุงเมื่อมีเส้นรอบเอว มากกว่า 80 ซม หรือ 32 นิ้ว
อีกวิธีหนึ่งที่จะทราบว่าอ้วนหรือไม่คือการวัดดัชนีมวลกายซึ่งใช้น้ำหนักตั้งและหารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรกำลังสอง การแปรผลดัชนีมวลกาย
ดัชนีมวลกาย | ความหมาย | คำแนะนำ |
น้อยกว่า 18.5 | น้ำหนักน้อย |
แนะนำให้เพิ่มน้ำหนัก |
18.5 - 25 | น้ำหนักที่เหมาะสม |
รักษาน้ำหนักให้คงที่ |
25 - 30 | น้ำหนักเกิน |
จะต้องดูและสุขภาพและแนะนำให้ลดน้ำหนัก |
30 - 35 | อ้วน |
สุขภาพของคุณเริ่มมีความเสี่ยง ให้ลดน้ำหนัก |
มากกว่า 35 | อ้วยมาก |
ต้องรีบลดน้ำหนัก |
การคำนวณดัชนีมวลกาย
อาศัยน้ำหนักและส่วนสูงในการคำนวณ หรือดัชนีมวลกายเป็นคำนวณ
ลดน้ำหนักแค่ไหนถึงจะเกิดผลดีต่อสุขภาพ
ให้ลดน้ำหนักเพียงร้อยละ10 จะเกิดผลดีต่อสุขภาพคือจะทำให้คอเลสเตอรอล ไตร์กลีเซอร์ไรด์ ลดลง และยังลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และข้อเสื่อม
การลดน้ำหนักไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายมีรูปร่างที่ดีขึ้น แต่ยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดไขมันในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด เมื่อมีไขมันในเลือดสูง หรือที่เรียกว่า "ไขมันในเลือดสูง" (Hyperlipidemia) อาจนำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดสมอง การลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นวิธีที่สำคัญในการควบคุมไขมันในเลือดและป้องกันโรคร้ายแรงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
1. ลดระดับคอเลสเตอรอล
การลดน้ำหนักช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกาย ซึ่งสามารถลดระดับคอเลสเตอรอล "ไม่ดี" (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล "ดี" (HDL) ได้ เมื่อไขมันในร่างกายลดลง การทำงานของระบบหลอดเลือดและหัวใจจะดีขึ้นและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
2. ควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์
การลดน้ำหนักช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การลดน้ำหนักช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นและลดการสะสมของไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือด
3. ปรับสมดุลฮอร์โมน
การลดน้ำหนักส่งผลให้การทำงานของฮอร์โมนในร่างกายมีความสมดุลมากขึ้น เช่น ฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งมีความสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและส่งผลให้ระดับไขมันในเลือดลดลง
การลดน้ำหนักที่ดีต้องมาจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินและการออกกำลังกาย โดยการตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมและมีความยั่งยืน:
1. ควบคุมอาหาร
ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ เช่น อาหารทอด ขนมหวาน และผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันสูง ควรเลือกทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว เช่น ปลาแซลมอน เมล็ดเจีย อะโวคาโด และน้ำมันมะกอก
2. เพิ่มไฟเบอร์ในอาหาร
การทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด ช่วยลดการดูดซึมไขมันในเลือดและเพิ่มการขับถ่ายออกจากร่างกาย ไฟเบอร์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือด
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ควรออกกำลังกายทั้งแบบแอโรบิค เช่น การเดินเร็ว การวิ่ง หรือการปั่นจักรยาน และออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนัก เพื่อเพิ่มการเผาผลาญไขมัน
4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากและการสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงในการสะสมไขมันในเลือด ควรหลีกเลี่ยงหรือลดการบริโภคให้เหลือน้อยที่สุด
การลดน้ำหนักเพื่อลดไขมันในเลือดไม่ใช่แค่การลดน้ำหนักชั่วคราว แต่เป็นการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ยั่งยืน ควรเริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมเล็กๆ เช่น การเลือกทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์ การเดินหรือออกกำลังกายเล็กน้อยทุกวัน และค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นในการออกกำลังกายเมื่อร่างกายเริ่มปรับตัว
นอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมในการปรับการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย
การลดน้ำหนักเพื่อควบคุมไขมันในเลือดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากคุณต้องการมีสุขภาพดีและลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ อย่าลืมเริ่มต้นการดูแลตัวเองในวันนี้เพื่อชีวิตที่ดีในอนาคต