หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
น้ำมันมะกอกมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและสารต้านอนุมูลอิสระสามารถป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ป้องกันโรคหัวใจ ลดไขมันในเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน ลดความดันโลหิต ควบคุมน้ำหนัก ลดการอักเสบ
น้ำมันมะกอก (Olive Oil) น้ำมันมะกอก
เป็นน้ำมันธรรมชาติที่สกัดจากผลของต้นมะกอก โดยเฉพาะน้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์พิเศษ (Extra Virgin Olive Oil) โดยเชื่อว่ามีคุณสมบัติ และประสิทธิภาพสูงกว่าน้ำมันมะกอกทั่วไป เนื่องจากผ่านการสกัดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด ไม่ใช้สารเคมี ไม่ใช้ความร้อน ทำให้น้ำมันมะกอก Extra Virgin Olive Oil คงคุณค่าและสารอาหารทางโภชนาการที่มีประโยชน์ไว้ได้มาก
สารทางธรรมชาติในน้ำมันมะกอกอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ได้แก่ กรดไขมันต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fat) กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fat) ที่จะช่วยลดระดับไขมันเลวในร่างกายลง ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจากระดับไขมันในเลือดสูงเช่นโรคหัวใจ นอกจากนั้นในน้ำมันมะกอกมีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามิน อี ซึ่งมีประโยชน์ในการป้องกันโรคต่าง ๆ ได้
คุณสมบัติและประโยชน์ของน้ำมันมะกอก
สตรีที่รับประทานน้ำมันมะกอกจะเกิดอุบัติการเกิดมะเร็งเต้านมน้อย
1ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว
เมื่อวิเคราะห์จากงานทดลองเกี่ยวกับประสิทธิภาพในเชิงป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) จากกลุ่มตัวอย่างกว่า 6,705 คน ที่ได้ทดลองบริโภคอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่มีน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษเป็นส่วนผสม พบว่าการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วได้อย่างมีนัยสำคัญ
2ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
เช่น การลดความดันโลหิต การลดคอเลสเตอรรอลในเลือด กรดไขมันที่พบในน้ำมันมะกอกได้แก่ไขมันไม่อิ่มตัวหนึ่งตำแหน่งร้อยละ 73 ไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง(เชิงซ้อน)ร้อยละ11 (ได้แก่ น้ำมันปลา omega-6 และ omega-3)และไขมันอิ่มตัวร้อยละ 14 พบว่าไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็น oleic acid ซึ่งจะลดการอักเสบ ลดระดับไขมันเลว ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด มีการศึกษา พบว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อาจมีความสัมพันธ์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดรวม (Total Cholesterol) ในผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงได้ ช่วยป้องกันภาวะไขมันในเลือดสูง ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ และอาจเป็นผลดีต่อผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial Infarction)
3ลดการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
และลดอัตราการเสียชีวิตจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์(Extra virgin olive oil ) อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลิสระ เช่น วิตามินอี และวิตามินเค ซึ่งจะลดการอักเสบ และป้องกันการออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอลซึ่งจะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด พบว่าหากรับประทาน 4 ช้อนโต๊ะต่อวันจะลดการเกิดโรคหัวใจได้ร้อยละ82 ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจอื่นๆเช่น สูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เมื่อรับประทานอาหารเมคิเตอรเรเนียนซึ่งมีน้ำมันมะกอกประมาณ 1 ลิตรต่อสัปดาห์ติดต่อกัน 5 ปีจะลดการเกิดโรคหัวจและโรคหลอดเลือดสมอง องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาอนุญาติให้มีข้อความว่าน้ำมันมะกอกสามารถลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
4ลดคอเลสเตอรอลในเลือด สาร Oleocanthal ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในน้ำมันมะกอกจะสามารถลดไขมันในเลือด และลดการอักเสบเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคเช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคอ้วนลงพุง โรคเบาหวาน ข้อเสื่อม
5ลดน้ำตาลในเลือดโรคเบาหวาน ผู้ที่รับประทานน้ำมันมะกอกวันละ 15-20 grams จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานการรับประทานน้ำมันมะกอกจะทำให้ควบคุมโรคเบาหวานได้ดีขึ้น และป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
6ความดันโลหิตสูง
ผู้ที่รับประทานน้ำมันมะกอกเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนจะช่วยลดระดับความดันโลหิตลงได้ น้ำมันมะกอกช่วยลดความดันโลหิต มีการศึกษาผู้ที่รับประทานน้ำมันมะกอกความดันซิสโตลิกจะลดลง 5.9-7.1 มิลิเมตรปรอท ความดันไดแอสโตลิกลดลง 16-2.6มิลิเมตรปรอท สำหรับผู้ที่ระดับความดันโลหิตไม่สูงมากมีรายงานว่า สามารถลดยาความดันโลหิตได้โดยต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
7น้ำมันมะกอกช่วยลดน้ำหนัก
การรับประทานไขมันมากจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น มีการศึกษาอาหารเมิดิเตอร์เรเนียนซึ่งมีน้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ พบว่าการรับประทานน้ำมันมะกอกไม่มีความสัมพันธ์กับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น บางการศึกษาพบว่าน้ำหนักลดลง และมีสารต้านอนุมูลอิสระในเลือดเพิ่มขึ้น การวิจัยดังกล่าวเป็นการทดลองในกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก รายที่มีกลุ่มอาการเมตาบอลิก (Metabolic Syndrome) หรือภาวะอ้วนลงพุง พบกว่าการบริโภคน้ำมันมะกอกพร้อมกับน้ำมันปลาที่มีโอเมก้า-3 จะช่วยในกระบวนการเมตาบอลิซึมไขมัน ซึ่งเป็นการช่วยลดระดับไขมันรวมและไขมันชนิดไม่ดี และยังพบว่าอาจช่วยลดปฏิกิริยาการเกิดอนุมูลอิสระในผู้ป่วยกลุ่มอาการเมตาบอลิกได้ การค้นคว้าถึงประสิทธิภาพในด้านการลดน้ำหนักของน้ำมันมะกอกที่อาจเป็นผลดีต่อผู้ที่มีภาวะอาการต่าง ๆ ควรดำเนินต่อไป เพื่อหาข้อพิสูจน์เป็นหลักฐานที่ถูกต้องชัดเจนที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการบำบัดรักษาในอนาคตได้
รับประทานน้ำมันมะกอกทุกวันจะทำให้อุจาระนุ่มป้องกันท้องผูก
น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และทำลายเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะเชื้อ Helicobacter pylori ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ พบว่าหากรับประทานน้ำมันมะกอก extra virgin ปริมาณ 30 grams ทุกวันจะลดการติดเชื้อได้ร้อยละ10-40
แม้จะมีการพิสูจน์ถึงคุณประโยชน์ในบางด้านที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้น้ำมันมะกอก แต่ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันมะกอกและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยอาจปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ในภายหลัง
ผู้บริโภคทั่วไป