การคุมฉุกเฉิน หรือการคุมกำเนิดฉุกเฉิน
การป้องกันแบบฉุกเฉินคือการคุมกำเนิดหลังร่วมเพศ เป็นวิธีการที่วัยรุนปัจจุบันนิยมใช้
เป็นการป้องกันการตั้งครรภ์โดยที่ไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดการผิดพลาดของการป้องกันเช่น การถูกขมขืน ถุงยางอนามัยแตก ถุงยางนามัยหลุด
การคุมกำเนิดผิดวิธี เป็นต้น การคุมกำเนิดวิธีนี้ควรจะทำภายใน 120ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
วิธีการคุมกำเนิดมีสองวิธีคือ
- การรับประทานยาฮอร์โมนหลังร่วมเพศ หรือยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือยาคุมกำเนิดหลังการร่วมเพศหรือที่เรียกว่า morning after pill,postcoital pills,emergency contraceptive pills โดยจะเริ่มรับประทานยาหลังจากร่วมเพศไม่เกิน72 ชั่วโมง โดยรับประทาน levonorgestrel 1.5 mg ครั้งเดียว
- การใส่ห่วงฉุกเฉินEmergency Intrauterine Device (IUD)ชนิดทองแดง ให้ใส่ห่วงภายใน5-7 วันหลังการร่วมเพศซึ่งช่วยการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ99
การคุมกำเนิดทั้งสองชนิดเป็นการป้องกันการฝังตัวของตัวอ่อน เมื่อไรจึงจะคุมกำเนิดฉุกเฉิน
- เมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้คุมกำเนิด
- เมื่อการคุมกำเนิดล้มเหลว หรือใช้ผิดวิธี:
- ถุงยางคุมกำเนิดแตก หรือหลุด
- ลืมรับประทานยาคุมกำเนิด 3 วันติดต่อกัน
- เลยเวลารับประทานยาคุมกำเนิดชนิด progestogen-only pill (minipill) ไป 3 ชั่วโมง
- เลยกำหนดฉีดยาคุมชนิด norethisterone enanthate (NET-EN) progestogen-only 2 สัปดาห์
- เลยกำหนดฉีดยาคุมชนิด depot-medroxyprogesterone acetate (DMPA) ไป 4 สัปดาห์
- เลยกำหนดยาคุมชนิดฉีดที่มี estrogen รวมกับ progestogenที่ฉีดทุกเดือนไปเกินกว่า 7 วัน
- มีความผิดพลาดเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิอดอื่น เช่น diaphragm or cervical cap การใส่ยาฆ่าเชื้อ sperm
- กรณีนำอวัยวะเพศออกไม่ทันในกรณีที่หลั่งภายนอก
คำนวณระยะเวลาปลอดภัยผิดพลาด
- ถูกขมขืน
ยาคุมฉุกเฉินหรือยาคุมกำเนิดหลังการร่วมเพศ
ยาที่ใช้ในการคุมฉุกเฉิน
ยาชนิดนี้นิยมใช้ในกลุ่มวัยรุ่นและผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันล่วงหน้า
โดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบผลข้างเคียงของยา
ยากลุ่มนี้มีทั้งแบบฮอร์โมนชนิดเดียวและชนิดฮอร์โมนรวม
โดยแต่ละชนิดจะมีวิธีกินต่างกัน
ส่วนมากนิยมใช้ชนิดที่กินหลังมีเพศสัมพันธ์ทันที
เพราะใช้ง่าย
แต่เนื่องจากยามีฮอร์โมนขนาดสูงมากจึงเกิดอาการข้างเคียงสูงกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดชนิดอื่น
ผู้ใช้จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างมาก
มีเลือดออกผิดปกติ
ผลของการป้องกันตั้งครรภ์ยังต่ำกว่าการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรวม
ถ้าผิดพลาดอาจจะเกิดการตั้งครรภ์ได้เหมาสำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ไม่บ่อย
หรือใช้ในกรณีที่ถูกขมขืน
ผู้ที่ห้ามใช้ยาคุมกำเนิด
ผลของฮอร์โมนจะออกฤทธิ์ตามอวัยวะต่างๆหลายแห่ง
ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่อผุ้ใช้บางกลุ่มที่มีโรคประจำตัวภาวะที่ห้ามใช้และควรหลีกเลี่ยงได้แก่
- มะเร็งของอวัยวะภายในของผู้หญิง
และมะเร็งเต้านม
- โรคตับเฉียบพลันหรือตับทำงานผิดปกติ
- โรคของถุงน้ำดี
- มีเลือดออกโพรงมดลูก
- เคยหรือเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ความดันโลหิตสูง
- สงสัยว่าจะตั้งครรภ์
ตั้งครรภ์
- โรคลมชัก
- โรคเบาหวาน
- อายุมากกว่า40ปี
หรือมากกว่า 35 ปีที่อ้วน
มีไขมันในเลือดสูง
หรือสูบบุหรี่จัด
ถ้าหากท่านมีหลายปัจจัยเสี่ยงและรับประทานยาคุมกำเนิดโอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนก็จะมีสูงขึ้น
- มีระดูน้อย หรือขาดระดู
- ปวดศีรษะบ่อย
หรือเป็นไมเกรน
ชนิดของยา |
ขนาดของยา |
Ethinyl
estradiol+Norgestrel |
Ethinyl
100 microgram+norgestrel 1mg รับประทาน 2ครั้งห่างกัน
12 ชม. |
Ethinyl
estradiol |
2.5 mg
วันละสองครั้ง5วัน |
conjugate
estrogen |
วันละ
30 mgนาน5 วัน |
estrone |
5mg
วันละ3ครั้งนาน 5 วัน |
Diethylstilbestrol |
25 mg วันละสองครั้งนาน5วัน |
Levanorgestrel |
.75 mg วันละสองครั้งห่างกัน 12
ชั่วโมง |
Danazol |
400mg วันละ2-3 ครั้งห่างกัน 12 ชม |
Mifepristone |
600 mg ครั้งเดียว |
- Estrogen ร่วมกับ progestrin ขนาดดังตารางข้างบนให้รับประทานภายใน
72
ชั่วโมงจะช่วยลดอัตราการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ
75
การใช้ยาไม่ควรเริ่มตอนบ่ายเพราะยาครั้งต่อไปจะต้องรับประทานหลังเที่ยงคืน
ควรรับประทานยาช่วงเช้า
ความล้มเหลวที่เกิดเนื่องจากท้องอยู่ก่อนหน้าใช้ยา
หรือเกิดจากร่วมเพศซ้ำหลังจากรับประทานยา
- อาการข้างเคียงที่พบบ่อย
ได้แก่คลื่นไส้อาเจียน
ซึ่งอาจจะป้องกันด้วยการรับประทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียน
ส่วนอาการอื่นๆที่พบได้แก่
คัดเต้านม ปวดมวนท้อง
ปวดศีรษะ
อาการต่างๆมักเป็นช่วงสั้นๆหายได้เอง
- ข้อควรระวังและห้ามใช้
สงสัยว่าตั้งครรภ์
มีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด
มีประวัติของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
เป็นโรคตับระยะกำเริบ
- Estrogen อย่างเดียวได้แก่ Ethinyl ,estradiol estrone, Diethylstilbestrol รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
- progestrin
อย่างเดียวได้แก่ Levanorgestrel
สามรารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ
85
อาการข้างเคียงน้อยกว่ายาที่มี
estroge ร่วมกับ progestrin
- Danazol
ใช้กับผู้ที่ทนต่อผลข้างเคียงของ
estrogen ไม่ได้
ข้อห้ามใช้เหมือนยาที่มี
estrogen รวมกับ progestrin
- Mifepristone
รับประทานครั้งเดียวภายใน 72
ชั่วโมงป้องกันได้ 100 %
หลังจากรับประทานยาคุมฉุกเฉินแล้ว เมื่อไหร่ประจำเดือนจะมา
โดยทั่วไปประจำเดือนจะมาหลังจากรับประทานยาภายในเวลาไม่เกิน 1สัปดาห์ ทั้งนี้หากไม่มีประจำเดือนมา ให้สงสัยว่าตั้งครรภ์ ควรไปพบแพทย์ หลังจากนั้นประจำเดือนของรอบเดือนนั้นจะมาในช่วงเวลาเดิม ในบางรายอาจพบประจำเดือนรอบต่อไปมาช้าหรือเร็วกว่าปกติได้
ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน ได้แก่
- คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เจ็บคัดเต้านม มีเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือมีเลือดออกมากระหว่างเดือน ประจำเดือนมาเร็วหรือช้ากว่าปกติ
อาการข้างเคียงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา การรับประทานในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ไม่ควรใช้ยานี้เป็นยคุมกำเนิดประจำเนื่องจาก
- ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดต่ำกว่ายาที่รับประทานยาคุมกำเนิดทั่วไป
- ผลข้างเคียงจากระดับยาที่สูง ส่งผลทำให้เกิดความผิดปกติที่รังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก ดังนั้นการใช้ยานี้จึงควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น
การใส่ห่วงคุมกำเนิดฉุกเฉิน copper-bearing IUD
เป็นการคุมกำเนิดที่ได้ผลร้อยะล 99 หากใส่ห่วงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายใน 5 วัน การทำงานของห่วงจะปล่อยสารที่ทำลายไข่และเชื้ออสุจิทำให้ไม่ตั้งครรภ์ ห่วงนี้สามารถใส่ต่อเพื่อคุมกำเนิด
เรื่องจริงที่ผู้หญิงต้องรู้เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน