หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
สาเหตุโรคเหงือกส่วนใหญ่เกิดจากสุขอนามัยการดูแลช่องปากไม่ดี เช่นการแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟัน หรือการตรวจฟัน แต่ก็มีสาเหตุอื่น เช่นการสูบบุหรี่ การขาดสารอาหาร การติดเชื้อ และโรคประจำตัว
โรคของเหงือกได้แก่โรคเหงือกอักเสบ และโรคปริทนต์ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อที่สำคัญ หากไม่ดูแลป้องกันหรือรักษาจะทำให้ฟันร่วงก่อนวัย สาเหตุที่สำคัญของโรคเหงือกเกิดจากการมีคราบหินปูนมาเกาะที่ฟัน สาเหตุที่ทำให้เกิดคราบได้แก่
1การสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง การสูบบุหรี่ยังส่งผลต่อการสุขภาพในช่องปากด้วย โดยกลไกที่ทำให้เกิดโรคเหงือกได้แก่
หากไม่ได้ขูดหินปูนจะทำให้เชื่อแบคทีเรียที่อยู่ในคราบเจริญเติบโต ทำให้เหงือกแยกออกจากฟันเกิดเหงือกร่น และในที่สุดก็เกิดโรคปริทนต์ นอกจากนั้นผู้ที่สูบบุหรี่จะมีฟันร่วงมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
2พันธุกรรม
จากการศึกษาพบว่าร้อยละ 30 ของประชากรจะมีพันธุ์กรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือก
3วัยและเพศ
ผู้หญิงที่ย่างเข้าสู่วันรุ่น การตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน ช่วงเวลาดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกายทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือก
4ยา
5การติดเชื้อ
เชื้อไวรัส เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดเหงือกอักเสบได้ เช่นเชื้อเริม เชื้อ candida
6โรคประจำตัว
เช่น โรคเบาหวาน มะเร็งเม็ดเลือดขาว และอีกหลายโรคจะมีผลต่อสุขภาพในช่องปากและเหงือก ผู้ป่วยโรคมะเร็งรวมทั้งการรักษามะเร็งจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเหงือก
7การขาดสารอาหาร
หากรับประทานอาหารที่ขาดวิตามิน บี ซี และแคลเซี่ยมจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือก โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานหวานหรือแป้งมากและดื่มน้ำน้อยจะมีโอกาสเกิดคราบหินปูนได้ง่าย
8ความเครียด
ความเครียดจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือกเพราะเมื่อเครียดก็จะสูบบุหรี่เพิ่ม และดูแลสุขภาพปากลดลง และเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
9ปัญหาเรื่องฟัน
ฟันที่มีปัญหาเช่นฟันเก ฟันโยก ล้วนเป้นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดคราบหินปูนได้ง่ายซึ่งจะทำให้เกิดโรคเหงือกตามมา
10การดื่มสุรา
การดื่มสุราจะทำให้การป้องกันตนเองเสียไป เกิดปัญหาสุขภาพในช่องปากได้
11ไม่ได้ดูแลสุขภาพช่องปาก
ไม่มีการตรวจสุขภาพช่องปาก ไม่มีการใช้ไหมขัดฟัน หรือไม่ได้แปรงสีฟันหลังอาหาร
12การหายใจทางปาก
การหายจากทางปากจะทำให้เหงือกได้รับการระคายเคืองซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือก
ปัญหาเหงือกมีอยู่ 3 ระยะด้วยกันคือ ปัญหาเหงือกอักเสบ ปัญหาปริทันต์อักเสบ และปัญหาปริทันต์อักเสบขั้นรุนแรง แม้ว่าทันตแพทย์จะสามารถวินิจฉัยปัญหาของคุณได้ แต่คุณก็ควรทราบอาการของปัญหาในแต่ละระยะด้วยเพื่อสังเกตตัวเองและคนในครอบครัวก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย
ปัญหาเหงือกอักเสบ
เป็นปัญหาที่เกิดในระยะแรกและพบได้มากที่สุด แต่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ อาการของปัญหาเหงือกอักเสบมีดังนี้
- เหงือกบวมแดง
- เลือดออกตามไรฟันได้ง่ายขณะแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน
- ขอบเหงือกร่น
- มีกลิ่นปาก
ปัญหาปริทันต์อักเสบ
ปัญหาเหงือกในระยะนี้เป็นระยะที่ปัญหาเหงือกอักเสบมีความรุนแรงและซับซ้อนขึ้น เราเรียกระยะนี้ว่า "ปัญหาปริทันต์" ปัญหานี้จะทำลายเนื้อเยื่ออ่อนและทำให้สูญเสียกระดูกที่ช่วยพยุงฟัน อาการของปัญหาปริทันต์มีดังนี้
- เหงือกบวม มีสีแดงจัด
- เหงือกนุ่มเมื่อสัมผัส
- มีพื้นที่ระหว่างฟันเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดร่องลึกปริทันต์
- เกิดหนองบริเวณระหว่างฟันและเหงือก
- มีกลิ่นปากหรือรู้สึกรสชาติในปากผิดปกติ
- สูญเสียฟันที่มีรอยกัดไม่พอดีกัน
ปัญหาปริทันต์ขั้นรุนแรง
ระยะสุดท้ายของปัญหาเหงือกคือ ระยะนี้จะมีการสูญเสียกระดูกและเนื้อเยื่อปริทันต์ที่รองรับฟันของคุณ เมื่อเกิดอาการดังกล่าวนขึ้นจะทำให้ฟันของคุณโยกและหลุดไปในที่สุด เมื่อถึงระยะนี้ทันตแพทย์อาจต้องใช้วิธีการถอนฟันของคุณทิ้งเพื่อไม่ให้ฟันซี่อื่น ๆ ติดเชื้อเพิ่มเติม อาการของปัญหาปริทันต์ขั้นรุนแรงคือ
- มีกลิ่นปากเรื้อรัง
- เหงือกบวมและมีเลือดออก
- เหงือกร่นขั้นรุนแรง
- ร่องลึกปริทันต์ลึกมากขึ้น
- ฟันโยกและแนวสบฟันเปลี่ยนไป
ปัญหาปริทันต์เป็นปัญหาที่เรื้อรังและเป็นนาน มีผลกระทบต่อรอยยิ้มที่สวยงามของคุณไปจนถึงต้องเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมภายในช่องปากหากไม่รักษาแต่เนิ่น ๆ ดังนั้นคุณควรหมั่นสังเกตอาการที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อป้องกันปัญหาปัญหาเหงือกของคุณ แปรงฟันและขัดฟันด้วยไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก ๆ 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและทำความสะอาดฟัน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการทำความสะอาดฟันที่เหมาะสมกับช่องปากของคุณ ให้ใช้แปรงสีฟันที่มีขนนุ่มเพื่อช่วยถนอมเหงือก รวมถึงใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อช่วยฆ่าเชื้อ การขูดหินปูนเป็นระยะตามที่ทันตแพทย์แนะนำก็สามารถช่วยป้องกันปัญหาเหงือกได้
โรคเหงือกขั้นรุนแรงขึ้นหรือที่เรียกว่าปริทันต์อักเสบ ส่งผลกระทบต่อประชาชนเกือบครึ่งที่มีอายุเกิน 30 ปีขึ้นไป จากข้อมูลการศึกษาล่าสุดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา(CDC) ส่วนใหญ่แล้ว การสูญเสียฟันเป็นผลลัพธ์มาจากการปล่อยปัญหาทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แต่เนื่องจากปัจจุบัน มีตัวเลือกสำหรับการรักษาปริทันต์ขั้นรุนแรงที่ประสบความสำเร็จมากมาย จึงพอมีความหวังที่ไม่ต้องสูญเสียฟัน แม้ว่าสุขภาพเหงือกไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
การดูและฟัน | คราบหินปูน | สาเหตุโรคเหงือก | สุขอนามัยช่องปาก | โรคเหงือกอักเสบ | โรคในช่องปาก | โรคเหงือก | เหงือกร่น | ปริทนต์อักเสบ | โรคเหงือกกับหัวใจ | ปากแห้ง | ฟันผุ | การแปรงฟัน | กลิ่นปาก