หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
โรคไวรัสตับอักเสบ บี Hepatitis B คืออะไร
โรคตับอักเสบ บี เป็นการอักเสบของตับซึ่งเกิดจากไวรัสตับอักเสบ บีโดยเชื้อไวรัสจะบุกรุกเข้าสู่เซลล์ตับและก่อให้เกิดการอักเสบขึ้น ในบางกรณีเชื้ออาจจะอยู่นิ่งเป็นปีๆ โดยผู้ที่มีเชื้อไม่ทราบว่าตนเองมีเชื้ออยู่ในร่างกาย เชื้อนี้สามารถแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็วในเซลล์ตับซึ่งส่งผลก่อให้เกิดการอักเสบและทำลายตับ
เชื้อไวรัสตับอักเสบ บี สามารถติดต่อทาง เลือด น้ำเชื้อ และน้ำหลั่งอย่างอื่น เช่น น้ำเหลือง ท่านสามารถรับเชื้อได้โดยวิธี
เชื้อนี้จะไม่ติดต่อกันทางลมหายใจ อาหาร หรือน้ำดื่ม การให้นม การจูบกัน
เชื้อนี้จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานเท่าไร
อาการจะเกิดหลังได้รับเชื้อประมาณ 45-90 วัน บางรายอาจจะนานถึง 180 วันผู้ป่วยที่เป็นแบบเฉียบพลันจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามตัวมีไข้ แน่นท้อง ถ่ายเหลวเป็นอยู่ 4-15 วันหลังจากนั้นจะมี ตัวเหลืองตาเหลือง ปัสสาวะสีเข็ม อาการตัวเหลืองตาเหลืองจะหายไปภายใน 1-4 สัปดาห์บางรายอาจเป็นนานถึง 6 สัปดาห์ จึงสามารถทำงานได้ปกติ
ผลของการเป็นไวรัสตับอักเสบ บี หลังจากเป็นไวรัสตับอักเสบ บีจะมีการดำเนินของโรคดังนี้
ท่านไม่มีอาการ แต่ท่านเป็นไวรัสตับอักเสบได้
ผู้ที่เป็นภาหะของโรคนี้จะไม่แสดงอาการให้เห็น ทำให้ไม่ทราบว่ามีเชื้อตัวนี้อยู่ในร่างกายซึ่งอาจจะส่งผลเสียทำให้นำเชื้อสู่ผู้อื่น ดังนั้นก่อนที่จะแต่งงานหรือมีเพศสัมพันธ์ควรจะหาไวรัสตับอักเสบก่อน
แพทย์จะเจาะเลือดตรวจการทำงานของตับ และตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ
วิธีตรวจ |
วัตถุประสงค์ของการตรวจ |
เพื่อประเมินสภาพตับและความผิดปกติของตับ ทำให้แพทย์ทราบว่าตับกำลังอักเสบอยู่หรือไม่ |
|
ตรวจหาอัลฟาฟีโตโปรตีน |
เป็นการตรวจเพื่อหามะเร็งในตับ |
การตรวจอัลตราซาวน์ตับ |
เป็นการบอกว่าตับเกิดการอักเสบหรือเป็นมะเร็ง |
การตรวจชิ้นเนื้อตับ |
เป็นการบอกความรุนแรงของตับอักเสบ ตับแข็งและมะเร็งตับ |
ส่วนใหญ่หายเองได้โดยการพักผ่อน และรับประทานอาหารไม่มัน การให้ยา interferon หรือ lamivudine ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ การรักษาไวรัสตับอักเสบบี
การแปรผลการเจาะเลือด | ||
---|---|---|
การตรวจเลือด | ผล | การแปรผล |
HBsAg anti-HBc anti-HBs |
negative negative negative |
เสี่ยงต่อการติดเชื้อ |
HBsAg anti-HBc anti-HBs |
negative positive positive |
มีภูมิป้องกันการติดเชื้อแล้วจากธรรมชาติ |
HBsAg anti-HBc anti-HBs |
negative negative positive |
มีภูมิจากการฉีดวัคซีน |
HBsAg anti-HBc IgM anti-HBc anti-HBs |
positive positive positive negative |
ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บีเฉียบพลัน |
HBsAg anti-HBc IgM anti-HBc anti-HBs |
positive positive negative negative |
ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง |
HBsAg anti-HBc anti-HBs |
negative positive negative |
การแปรผลไม่ชัดเจน อาจจะเกิดได้จากเหตุดังต่อไปนี้ |
Hepatitis B surface antigen (HBsAg): เป็นโปรตีนที่อยู่บนผิวของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี HBV จะพบโปรตีนนี้ในปริมาณที่ค่อนสูงสูงในผู้ป่วยที่เป็นไวรัสตับอักเสบเฉียบพลัน หรือเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง การพบโปรตีนนี้จะบ่งบอกว่าผู้นั้นยังสามารถแพร่สู่ผู้อื่นได้ Hepatitis B surface antibody (anti-HBs): การตรวจพบภูมิต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบ บีร่างกายสร้างภูมิต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบ บีซึ่งแสดงว่าร่างกายเริ่มจะหายจากโรคตับอักเสบ การพบภูมิต่อไวรัสตับอักเสบ บียังพบได้ในผู้ป่วยที่ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ Total hepatitis B core antibody (anti-HBc):โปรตีนชนิดนี้จะเริ่มพบตั้งแต่เริ่มต้นการติดเชื้อ และจะพบตลอดชีวิต การตรวจพบโปรตีนชนิดนี้แสดงถึงว่าเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี มาก่อน IgM antibody to hepatitis B core antigen (IgM anti-HBc):การตรวจพบโปรตีนชนิดนี้หมายถึงว่าเพิ่งจะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บีไม่เกิน 6 เดือน Adapted from: A Comprehensive Immunization Strategy to Eliminate Transmission of Hepatitis B Virus Infection in the United States: Recommendations of the Advisory Committee on Immunization Practices. Part I: Immunization of Infants, Children, and Adolescents. MMWR 2005;54(No. RR-16). |
การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี
หากท่านติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ท่านจะปฏิบัติตัวอย่างไร
เมื่อท่านตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ท่านควรจะขอรับคำแนะนำจากแพทย์ในการดูแลตัวเอง และต้องคำนึงถึงบุคคลใกล้ชิดด้วยเพราะท่านอาจจะนำเชื้อไปสู่คนใกล้ชิด วิธีการปฏิบัติตัวหากท่านมีเชื้ออยู่ในร่างกาย
การป้องกันการรับเชื้อ สามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงการติดต่อดังกล่าวเบื้องต้น
การตรวจการทำงานของตับ ตับอักเสบ ไขมันพอกตับการรักษาไวรัสตับอักเสบบี