หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
ตามปกติเมื่อครบกำหนดคลอด ทารกส่วนใหญ่ 95-97% จะเอาศีรษะเป็นส่วนนำ (ส่วนของทารกที่จะคลอดออกมาก่อนส่วนอื่นๆ) กล่าวคือ ศีรษะจะเป็นส่วนที่อยู่ต่ำที่สุดในช่องเชิงกราน และจะคลอดออกมาทางช่องคลอดก่อนส่วนอื่นของร่างกาย ที่เรียกว่าทารกอยู่ในท่าศีรษะ/ท่าหัว ซึ่งเป็นท่าที่เหมาะสมสำหรับการคลอดทางช่องคลอดมากที่สุด เพราะคลอดได้ง่ายที่สุด แต่มีทารกประมาณ 3-4% เอาก้นเป็นส่วนนำ หรืออยู่ต่ำสุด เรียกว่าทารกอยู่ในท่าก้น หรือ "ทารกท่าก้น (Breech presentation)" ซึ่งไม่ใช่ท่าคลอดปกติ การคลอดจึงไม่ปกติเหมือนทารกท่าศีรษะ ทั้งนี้ทารกอายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนด มีโอกาสที่จะอยู่ในท่าก้นมากขึ้น ปัญหาที่สำคัญของทารกท่าก้นคือเพิ่มความเสี่ยงของทารกและแม่เพิ่มขึ้นเมื่อคลอดท่าก้น
ทารกท่าก้นหมายถึง
เด็กในครรภ์มารดาที่มีส่วนนำเป็นก้นหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของขาหรือร่วมกันอยู่ทางส่วนล่างของมดลูก และศีรษะอยู่ทางยอดมดลูก สาเหตุที่แท้จริงที่เกิดทารกท่าก้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มักพบสาเหตุที่ส่งเสริมให้เกิดทารกท่าก้นในกรณีดังต่อไปนี้
หากในเดือนที่เก้าทารกยังคงไม่หมุนศีรษะกลับลงมาสู่อุ้งเชิงกราน การผ่าตัดคลอดก็จะถูกกำหนดขึ้น ในทารกท่าก้นบางกรณีสามารถคลอดเองทางช่องคลอดได้ แต่พบว่าภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดทารกท่าก้นมีสูงเช่น ทารกขาดอ๊อกซิเจน และมีเลือดออกในสมอง เนื่องจากศีรษะเด็กคลอดช้าเกินไป ปัจจุบันพบว่าการผ่าตัดคลอดเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับกรณีนี้
ในเดือนที่แปดนี้ทารกควรจะกลับศีรษะลงมาเรียบร้อยแล้ว เราจะทราบโดย
อาการของทารกท่าก้น
ทารกในท่าก้นยังแบ่งเป็นอีกหลายแบบ ได้แก่
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดทารกท่าก้น
โรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากทารกท่าก้น
อุบัติการณ์ของโรคแทรกซ้อนที่เกิดกับทารกและแม่สำหรับเด็กท่าก้นจะสูงกว่าเด็กที่คลอดปกติ ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดได้แก่
หากตรวจพบในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆคุณแม่ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเด็กอาจจะหมุนตัวเปลี่ยนท่าได้ หากพบตอนตั้งครรภ์อายุ 34-36 สัปดาห์ซึ่งในระยะนี้ทารกจะไม่เปลี่ยนท่าแล้ว แพทย์จะนัดตรวจอัลตราซาวด์ และนัดตรวจถี่ขึ้น
แพทย์ดูแลรักษาภาวะทารกท่าก้น โดย
การคลอดทางช่องคลอด
ปัจจุบันได้รับความนิยมลดลง เนื่องจากข้อมูลที่มีในปัจจุบันพบว่า การคลอดทางช่องคลอดทำให้เด็กทารกได้รับอันตรายมากกว่าการผ่าท้องคลอด การคลอดทางช่องคลอด แบ่งเป็นอีก 3 วิธีในการทำคลอดคือ
หมุนเปลี่ยนทารกจากท่าก้นให้เป็นท่าศีรษะจากภายนอก ( External cephalic version) และให้คลอดท่าศีรษะ
เพราะการคลอดท่าศีรษะจะง่ายกว่า และมีอันตรายต่อทารกน้อยกว่าการคลอดในท่าก้น ซึ่งแพทย์มักจะทำการหมุนเปลี่ยนท่าตอนอายุครรภ์ 36 สำหรับการตั้งครรภ์ครรภ์แรก 37 สัปดาหสำหรับผู้ที่เคยตั้งครรภ์มาก่อน ก่อนที่จะมีอาการเจ็บครรภ์ โรคแทรกซ้อนพบไม่บ่อยได้แก่ รกลอก มดลูกแตก และเลือดออกทั้งแม่และทารกอัตราความสำเร็จประมาณ 30-80%
การผ่าท้องคลอด
แพทย์ส่วนใหญ่จะนิยมใช้วิธีนี้ผ่าตัดคลอดเมื่ออายุครรภ์ครบกำหนด เนื่องจากทำอันตรายต่อทารกน้อยกว่า แต่อย่างไรก็ม การผ่าท้องคลอดจะเป็นอันตรายต่อมารดามากกว่าการคลอดทางช่องคลอด
หากท้องแรกทารกเป็นท่าก้น ท้องต่อไปมีแนวโน้มที่จะเกิดทารกอยู่ในท่าก้นซ้ำอีก ดังนั้นจะต้องตรวจว่ามีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดทารกท่าก้นหรือไม่ เช่น เนื้องอกของมดลูก ความผิดปกติของมดลูก หากมิได้แก้ไขก็จะเกิดความเสี่ยงต่อการเกิดท่าก้น