ไนอาซินคืออะไร?
ไนอาซิน หรือที่รู้จักกันในชื่อวิตามินบี3 (Vitamin B3) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย ไนอาซินมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงอาหารที่เรารับประทานให้เป็นพลังงาน และช่วยในการทำงานของเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับกระบวนการต่างๆ ภายในร่างกาย นอกจากนั้น ไนอาซินยังเป็นที่รู้จักในด้านการช่วยลดระดับไขมันในเลือด โดยเฉพาะคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
กลไกการออกฤทธิ์ของไนอาซินในการลดไขมัน
ไนอาซินในขนาดที่ใช้ในการรักษา (ซึ่งสูงกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวัน) จะออกฤทธิ์โดย
- ลดการสร้างไขมันในตับ: ไนอาซินช่วยยับยั้งการสร้าง VLDL (very low-density lipoprotein) ซึ่งเป็นตัวขนส่งไตรกลีเซอไรด์จากตับไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลให้ระดับไตรกลีเซอไรด์และ LDL cholesterol (ไขมันเลว) ลดลง
- เพิ่มการกำจัดไขมัน: ไนอาซินช่วยเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ lipoprotein lipase ซึ่งมีหน้าที่ย่อยสลายไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
- เพิ่มระดับ HDL cholesterol (ไขมันดี): ไนอาซินช่วยเพิ่มระดับ HDL cholesterol ซึ่งมีส่วนช่วยในการกำจัด LDL cholesterol ออกจากหลอดเลือด
ประโยชน์ของไนอาซินในการรักษาไขมันในเลือด
- ลดระดับไตรกลีเซอไรด์: ไนอาซินมีประสิทธิภาพสูงในการลดระดับไตรกลีเซอไรด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีภาวะ hypertriglyceridemiaไตรกลีเซอไรด์เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่สูงเกินไปในเลือดสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ไนอาซินช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งเป็นประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคหัวใจ
- ลดระดับ LDL cholesterol: ไนอาซินช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การลด LDL ช่วยลดการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดการอุดตันของหลอดเลือด
- เพิ่มระดับ HDL cholesterol: ไนอาซินช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ซึ่งทำหน้าที่ในการขนส่งคอเลสเตอรอลจากหลอดเลือดกลับไปยังตับเพื่อกำจัดออกจากร่างกาย การเพิ่ม HDL ช่วยลดการสะสมของคอเลสเตอรอลในหลอดเลือดและป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ: จากคุณสมบัติในการปรับระดับไขมัน ไนอาซินจึงมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง
การใช้ไนอาซินในการรักษาไขมันในเลือด
ไนอาซินสามารถใช้เป็นยาหรืออาหารเสริมในการรักษาระดับไขมันในเลือด โดยส่วนใหญ่จะใช้ในปริมาณที่มากกว่าไนอาซินจากอาหารทั่วไป และควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ในการกำหนดปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งปกติจะอยู่ระหว่าง 500-2000 มิลลิกรัมต่อวันในกรณีการรักษา
ขนาดและวิธีใช้
- ปริมาณไนอาซินที่ใช้ในการรักษาภาวะไขมันในเลือดผิดปกติจะสูงกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวัน โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ 500 มิลลิกรัมต่อวัน และค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์
- ควรรับประทานไนอาซินพร้อมอาหาร เพื่อลดอาการข้างเคียงทางเดินอาหาร
- แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานไนอาซินชนิดออกฤทธิ์ช้า (extended-release) เพื่อลดอาการหน้าแดง
อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ผื่นคัน อาการร้อนวูบวาบ (flushing) หรือในบางกรณีอาจมีผลต่อการทำงานของตับ
ใช้รักษาภาวะไขมันสูง
- ใช้ชนิด Immediate-releaseขนาด 250 มก. รับประทานวันละครั้ง; ปรับขนาดยาทุก 4-7 วันขึ้นกับผลการรักษาและผลข้างเคียงของยา โดยต้องการขนาดยา 1.5-2 กรัม รับประทานทางปากทุก 6-8 ชั่วโมง จากนั้นปรับทุก 2-4 สัปดาห์ ไม่เกิน 6 กรัม/วัน
- ใช้ชนิดExtended-release: 500 มก./วัน รับประทานในเวลาก่อนนอน; ปรับขนาดยาทุก 4
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา
- ใช้ ลดระดับ TC, LDL-C, Apo B และ TG และเพิ่ม HDL-C ในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงขั้นต้นและภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ
- เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายซ้ำในผู้ป่วย มีประวัติของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด MI และภาวะไขมันในเลือดสูง
- ใช้ร่วมกับเรซินที่จับกับกรดน้ำดีเพื่อชะลอหรือลดการเกิดคราบของโรคหลอดเลือดในผู้ป่วยที่มีประวัติ โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดCAD และภาวะไขมันในเลือดสูง และยังช่วยลดระดับ TC และ LDL-C ที่เพิ่มขึ้นในผู้ใหญ่ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงขั้นต้น
- เป็นยาเสริมสำหรับการรักษาผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่มีภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงซึ่งมีความเสี่ยงต่อตับอ่อนอักเสบ และไม่ตอบสนองต่อการควบคุมอาหารอย่างเพียงพอเพื่อควบคุมอาการเหล่านี้
- ไนอาซินชนิดExtended release ไม่ได้ช่วยลดภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบหรือการตายในผู้ป่วยที่ได้รับยาซิมวาสแตติน
ผลข้างเคียงและข้อควรระวัง
- อาการหน้าแดง: เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเริ่มรับประทานไนอาซินใหม่ๆ
- อาการทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
- ผลต่อตับ: การรับประทานไนอาซินในปริมาณสูงเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อการทำงานของตับ
- ผู้ป่วยโรคตับ โรคเบาหวาน โรคเกาต์ หรือผู้ที่มีประวัติแพ้ยา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานไนอาซิน
- ไนอาซินอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาลดคอเลสเตอรอล ยาลดความดันโลหิต ดังนั้นควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่กำลังรับประทานอยู่
ข้อควรระวังในการใช้ไนอาซิน
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ไนอาซิน
- ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่กำลังใช้อยู่ เนื่องจากไนอาซินอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ไนอาซินเป็นอาหารเสริม
แหล่งที่มาของไนอาซิน
เราสามารถได้รับไนอาซินจากอาหารหลากหลายประเภท เช่น:
- เนื้อสัตว์ (ไก่, เนื้อวัว, หมู) - ปลา (ทูน่า, แซลมอน)
- ถั่วและเมล็ดพืช (ถั่วลิสง, เมล็ดฟักทอง)
- ธัญพืชเต็มเมล็ดและผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการเสริมวิตามิน
- ผักใบเขียว (ผักโขม, บรอกโคลี)
การใช้ไนอาซินเป็นอาหารเสริม
นอกจากการได้รับจากอาหาร ไนอาซินยังสามารถรับประทานเป็นอาหารเสริมได้ในรูปแบบของยาเม็ดหรือแคปซูล เพื่อเพิ่มระดับไนอาซินในร่างกาย อย่างไรก็ตาม การใช้ไนอาซินในปริมาณที่สูงควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงได้
สรุป
ไนอาซินเป็นวิตามินบีที่มีบทบาทสำคัญในการลดระดับไขมันในเลือด โดยช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิด LDL และไตรกลีเซอไรด์ รวมถึงเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิด HDL การรับประทานไนอาซินทั้งจากอาหาร และอาหารเสริมสามารถเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมไขมันในเลือด และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม ควรใช้อย่างระมัดระวังและปรึกษาแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว