โรคลมแดด
โรคลมแดดหมายภึงโรคที่เกิดจากภาวะอุณหภูมิในร่างกายสูง และร่างกายปรับตัวไม่ได้ โลกเรากำลังเผชิญกับ ภาวะเรือนกระจก ทำให้อุณหภูมิของโลก เพิ่มขึ้น น้ำแข็งที่บริเวณขั้วโลก มีการละลายเพิ่มขึ้น รวมทั้งระดับน้ำในทะเล ก็สูงขึ้นทำให้โลกร้อนขึ้น มีโอกาสที่จะเกิดโรคลมแดด เพิ่มขึ้น เป็นภาวะที่เกิดจากอากาศร้อนที่มีความรุนแรงกว่าเพลียแดด เป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมักจะเกิดจากปัจจัยต่างๆได้แก่
- ตัวผู้ป่วยมีภาวะหรือได้รับยาที่ทำให้ระบบระบายความร้อนของร่างกายผิดปกติ
- คนที่แข็งแรงเมื่ออกกำลังกายในสภาพที่มีอากาศร้อนเป็นเวลานาน
- เด็กและคนชราจะมีโอกาศเกิดภาวะดังกล่าวสูง โดยเฉพาะหากได้รับยาแก้แพ้หรือยาลดความดันโลหิต
อาการและอาการแสดง
จะมีอาการและอาการแสดงเหมือนกับ heat Heat Exhaustion
- ผู้ป่วยจะตัวแดง ตัวร้อน เหงื่อจะออกมากในช่วงแรก ตอนหลังผิวจะแห้งเหงื่อออกน้อย เมื่อมีไข้ร่างกายจะขับเหงื่อออกมาเพื่อลดความร้อน หากร่างกายขาดน้ำเหงื่อก็ออกน้อยทำให้ไข้จะสูง
- มึนงง สับสน หรืออาจจะไม่รู้สึกตัว สับสนและกระวนกระวาย
- หายใจไวหายใจลำบากซึ่งอาจจะเกิดจากอวัยวะภายในเริ่มมีปัญหา
- ชีพขจรเร็ว ชีพขจรจะเร็วเนื่องจากไข้ และร่างกายขาดน้ำ
- ความดันโลหิตอาจจะสูงเล็กน้อยในระยะเริ่มต้น แต่เมื่อร่างกายขาดน้ำมากความดันจะต่ำลง
- ในรายที่เป็นมากระบการแข็งตัวของเลือดจะผิดปกติ เลือดออกง่าย ไอเป็นเลือด ถ่ายดำ ปัสสาวะเป็นเลือด หรืออาจจะรุนแรงจนเลือดออกในสมอง
- อุณหภูมิมักจะมากกว่า 41 องศา ซึ่งหมายถึงร่างกายไม่สามารถจัดการกับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น
- คลื่นไส้ซึ่งเป็นผลมาจากไข้ขึ้น
- ปวดศีรษะเนื่องจากร่างกายขาดน้ำและไข้ขึ้นเร็ว
- อ่อนเพลียจนไม่สามารถที่จะยืนได้
- ตะคริวเนื่องจากเกลือแร่เสียสมดุล
- มีภาพหลอน
- ชักเนื่องจากไข้สูง
จะไปพบแพทย์เมื่อไร
ผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะเป็นลมแดดหากมีอาการดังต่อไปนี้ให้รีบนำตัวไปพบแพทย์
- สับสน ไม่รู้สึกตัว หรือหมดสติ
- ปวดท้องหรือแน่หน้าอก
- ไม่สามารถดื่มน้ำได้อย่างเพียงพอ
- อุณหภูมิมากกว่า 104 องศาฟาร์เรนไฮด์
- อุณหภูมิไม่ลดแม้ว่าจะให้การดูแลในเบื้องต้น
- ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว
หากเราพบผู้ที่มีอาการดังกล่าวจะให้การปฐมพยาบาลอย่างไร
- ให้น้ำดื่ม อาจจะเป็นน้ำเกลือแร่ก้ได้
- นอนพัก
- ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว หรืออาบน้ำ
- นอนในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ
- สวมเสื้อบางๆ
- ห้ามใช้แอลกอฮอลล์เช็ดตัว
การรักษาโรคลมแดด
- แพทย์จะลดอุณหภูมิของร่างกายอย่างรวดเร็ว
- แพทย์อาจจะนำผ้าชุบน้ำเย็นมาลดความร้อนบริเวณขาหนีบ หรือรักแร้ และใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามตัว
- ให้ยาเพื่อลดอาการหนาวสั่น
- แพทย์จะวัดปริมาตรของปัสสาวะ
ภาวะอุณหภูมิในร่างกายสูง
ร่างกายเราขับความร้อนออกจากร่างกายได้อย่างไร
เรื่องเกี่ยวกับการออกกำลังกายที่น่าสนใจ |
|
ร่างกายของคนเราได้รับความร้อนจากสิ่งแวดล้อม และจากการสร้างความร้อของร่างกายเช่น ในขณะพักร่างกายเราสามารถสร้างความร้อนและมีอุณหภูมิเพิ่ม 1.1 องศาเซ้นติเกรดต่อชั่วโมง ในขณะที่ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจะสร้างความร้อนได้ 15 เท่าในขณะที่พัก แต่ร่างกายของเราสามารถปรับอุณหภูมิให้คงที่(Core Temperature) ที่ 37 องศาเซ็นติเกรด(98.6 f) โดยอาศัยกระบวนการดังนี้
- Conduction คือการนำความร้อนออกจากร่างกาย โดยจะต้องมีสื่อการมาสัมผัส เช่น น้ำ ร่างกายจะใช้กลไกนี้ในการขับความร้อนได้เพียงร้อยละ2-3 ของความร้อนที่ร่างกายผลิตได้
- Convection คือการกระจายความร้อนของร่างกายสู่สิ่งแวดล้อมรอบตัว ร่างกายเราใช้กระบวนการนี้ขับความร้อนได้ร้อยละ 10 ของความร้อนที่ผลิตได้ แต่หากอุณหภูมิอากาศสูงกว่าร่างกายของเรา ก็ไม่สามารถใช้กระบวนการนี้ในการขับความร้อนออกจากร่างกาย
- Radiation คือการที่ร่างกายขับความร้อนเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ร่างกายเราใช้กระบวนการนี้ขับความร้อนได้ถึงร้อยละ65 ของความร้อนที่ผลิตได้ แต่หากอุณหภูมิของอากาศสูงขึ้นก็จะขับความร้อนได้น้อยลง
- Evaporation ร่างกายเราขับความร้อนโดยผ่านทางเหงื่อ น้ำลาย สามารถขับความร้อนได้ร้อยละ30 ของความร้อนที่ผลิตได้
จะเห็นได้ว่าร่างกายเราจะขับความร้อนส่วนใหญ่คือวิธีที่3และ4 แต่เมื่ออุณหภูมิของอากาศสูงขึ้น ร่างกายเราจะเหลือวิธีการขับความร้อนโดยทางเหงื่อและทางหายใจได้อย่างเดียว
การปรับตัวกับความร้อน
ความสามารถในการปรับตัวกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นกับ สุขภาพ อายุ และสภาพแวดล้อมซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวเป็นวันหรือสัปดาห์โดยจะมีการปรับตัวดังนี้ เหงื่อจะออกเร็วขึ้นและมีปริมาณมากขึ้น ปริมาณเกลือในเหงื่อจะน้อยลง หัวใจทำงานเพิ่มขึ้น มีการสร้างฮอร์โมนเพื่อเก็บน้ำและเกลือเพิ่มขึ้น
เมื่ออุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นจะกระตุ้นสมองส่วน hypothalamus และสมองส่วนปลายทำให้เลือดไหลไปผิวหนังเพิ่มขึ้น เหงื่อออกมากขึ้น หายใจเร็วขึ้นเพื่อขับความร้อนออกจากร่างกาย สำหรับผู้สูงอายุหรือคนป่วยความสามารถเหล่านี้จะเสียไปทำให้อุณหภูมิร่างกายสูง
ร่างกายเราจะทนกับอุณหภูมิได้แค่ไหน
ร่างกายเราสามารถทนกับอุณหภูมิที่ 42 องศาได้ 45 นาทีถึง 8 ชั่วโมงเซลล์ของร่างกายจะสร้าง heat-shock proteins ซึ่งจะทำให้เซลล์มีความทนต่อความร้อน ทนต่อการขาดเลือดหรือแม้กระทั่งการขาดออกซิเจน ทำให้เซลล์ตายช้าลง
ความรุนแรงของโรคลมแดด
สาเหตุของหรือปัจจัยเสี่ยงของโรคลมแดด
- โรคหัวใจ
- โรคผิวหนัง (eg, scleroderma, ectodermal hyperplasia)
- ไฟไหม้ผิวหนัง
- ร่างกายขาดน้ำ (เช่น อาเจียน ท้องร่วง)
- โรคต่อมไร้ท่อ (เช่น ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ, เบาหวาน, pheochromocytoma)
- โรคระบบประสาท(เช่น, autonomic neuropathies, parkinsonism, dystonias)
- สมองเสื่อม
- ไข้
- ออกกำลังกายหรือทำงานในสภาพอากาศร้อนจัด
- ระบบระบายอากาศไม่ดี
- ใส่เสื้อผ้าหนาหรือกันการระเหยของเหงื่อ
- ดื่มน้ำน้อย
- ยาลดความดันโลหิต Beta-blockers
- Anticholinergics
- ยาขับปัสสาวะ Diuretics
- สุรา Ethanol
- ยาแก้แพ้ Antihistamines
- ยาต้านการซึมเศร้า Cyclic antidepressants
- Sympathomimetics (eg, cocaine, amphetamines)
- Phenothiazines
- Lithium
- Salicylates
- ขาดน้ำและเกลือแร่ Salt or water depletion
- อ้วน Obesity
- อยู่คนเดียว Living alone
- ผู้ป่วยนอนบนเตียงช่วยตัวเองไม่ได้ Confined to bed
- สูงอายุExtremities of age
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ลมแดด2
ภาวะขาดน้ำ
การออกกำลัง | เมื่อไร่ต้องปรึกษาแพทย์ | ตะคริว | คำนิยาม | ออกกำลังแค่ไหนถึงพอ | ออกกำลังอย่างปลอดภัย | วิธีออกกำลัง | การประเมินการออกกำลัง | จะออกกำลังนานแค่ไหน | การอุ่นร่างกาย | ทำไมต้องออกกำลัง | การดื่มน้ำก่อนออกกำลังกาย | ออกกำลังกายมากไป