Ciprofloxacin (ซิโพรฟลอกซาซิน): คู่มือการใช้ยาให้ปลอดภัยและถูกวิธี
บทนำ: ทำความรู้จัก Ciprofloxacin
Ciprofloxacin (ซิโพรฟลอกซาซิน) เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่ม Fluoroquinolones ที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ปอดอักเสบ หรือการติดเชื้อในช่องท้อง ยานี้มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดแบคทีเรียที่ดื้อยาหลายชนิด แต่หากใช้ไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น เอ็นอักเสบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือการดื้อยา บทความนี้จัดทำโดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณมีความรู้เกี่ยวกับยาและสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย
Ciprofloxacin ใช้รักษาอะไรได้บ้าง? (ข้อบ่งชี้)
Ciprofloxacin ใช้รักษาการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียที่ไวต่อยานี้เท่านั้น ไม่สามารถใช้รักษาการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด หรือโควิด-19 ได้ ข้อบ่งชี้หลัก ๆ มีดังนี้:
กลไกการออกฤทธิ์: Ciprofloxacin ออกฤทธิ์โดยยับยั้งเอนไซม์ DNA Gyrase และ Topoisomerase IV ซึ่งจำเป็นต่อการแบ่งตัวของแบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียตาย
ขนาดและวิธีใช้ Ciprofloxacin
1. ขนาดยาทั่วไป
2. วิธีใช้ยาให้ถูกต้อง

ข้อควรระวังในการใช้ Ciprofloxacin
1. ความเสี่ยงต่อเอ็นอักเสบและเอ็นขาด (Tendinitis and Tendon Rupture)
2. ความเสี่ยงต่อกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis)
3. ความเสี่ยงต่อหัวใจเต้นผิดจังหวะ (QT Prolongation)
- Ciprofloxacin อาจทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ (QT Prolongation) ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหน้ามืดหรือเป็นลม
- กลุ่มเสี่ยง:
- ผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ผู้ที่ใช้ยาขยายหลอดลม เช่น Theophylline (อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการชักหรือหัวใจหยุดเต้น)
- อาการ: ใจสั่น, หน้ามืด, เป็นลม
- การป้องกัน: แจ้งแพทย์หากมีประวัติโรคหัวใจหรือใช้ยาที่ส่งผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ
4. ความเสี่ยงต่อระบบประสาท
- Ciprofloxacin อาจส่งผลต่อระบบประสาท เช่น ง่วงซึม, สับสน, มือสั่น, ชัก หรือเห็นภาพหลอน
- กลุ่มเสี่ยง: ผู้ที่มีประวัติโรคลมชัก, ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ, หรือสมองเป็นอัมพาต
- การป้องกัน: ใช้ยาด้วยความระวัง และหยุดยาทันทีหากมีอาการผิดปกติ
5. ความเสี่ยงต่อการแพ้แสงแดด (Photosensitivity)
- Ciprofloxacin อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดด (Photosensitivity) เพิ่มความเสี่ยงต่อผิวไหม้แดด
- การป้องกัน: หลีกเลี่ยงการตากแดดนาน ๆ ใช้ครีมกันแดด และสวมเสื้อผ้าป้องกันแสงแดด
6. ความเสี่ยงต่อลำไส้อักเสบ (Pseudomembranous Colitis)
- การใช้ยาปฏิชีวนะอาจทำให้เกิดลำไส้อักเสบจากเชื้อ Clostridium difficile (C. difficile)
- อาการ: ท้องเสียรุนแรง, ถ่ายเป็นเลือด, มีไข้
- การป้องกัน: หยุดยาและพบแพทย์หากท้องเสียรุนแรง
7. ความปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- หญิงตั้งครรภ์: Ciprofloxacin จัดอยู่ใน Pregnancy Category C (อาจมีความเสี่ยงต่อทารก) ควรใช้เฉพาะเมื่อจำเป็นและแพทย์พิจารณาแล้วว่าประโยชน์มีมากกว่าความเสี่ยง
- หญิงให้นมบุตร: Ciprofloxacin ผ่านไปในน้ำนมได้ ควรหลีกเลี่ยงหรือหยุดให้นมชั่วคราว
เฝ้าระวังอาการแพ้ยาและผลข้างเคียง
Ciprofloxacin อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรืออาการแพ้ยา ผู้ป่วยควรสังเกตอาการดังนี้:
1. อาการแพ้ยาที่ต้องระวัง
- อาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis):
- ผื่นแดง, ลมพิษ
- หายใจลำบาก หรือหายใจมีเสียงวี้ด
- บวมที่ใบหน้า, ริมฝีปาก, ลิ้น, คอ, มือ, เท้า, หรือข้อเท้า
- กลืนอาหารลำบาก
- การแพ้ยาแบบอื่น:
- ผื่นตามผิวหนัง, Toxic Epidermal Necrolysis, Stevens-Johnson Syndrome
- หลอดเลือดอักเสบ (Vasculitis), ปวดกล้ามเนื้อ
- ปอดอักเสบ, ไตอักเสบ, ตับอักเสบ
- หากมีอาการเหล่านี้: หยุดยาทันทีและไปโรงพยาบาลทันที
2. ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย
- คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย, ปวดท้อง, แก๊สในท้อง
- ปวดศีรษะ, มึนงง, ง่วงซึม, นอนไม่หลับ
- อาจเกิดเชื้อราในปากหรือช่องคลอดจากการใช้ยา
3. ผลข้างเคียงรุนแรง (หยุดยาและพบแพทย์ทันที)
- ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อ, ชา, อ่อนแรงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- ตัวเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม, ปวดท้องรุนแรง (ปัญหาที่ตับ)
- ไข้สูง, ผื่นรุนแรง, ผิวหนังลอก
คำเตือน: หยุดใช้ยาและติดต่อแพทย์ทันทีหากมีอาการปวดเส้นเอ็น หายใจลำบาก หรืออาการทางจิตใจรุนแรง หลีกเลี่ยงการใช้ Ciprofloxacin ร่วมกับยา เช่น tizanidine เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง การใช้ยาซิโปรฟอกซาวิน
ตารางสรุปผลข้างเคียงของ Ciprofloxacin
ผลข้างเคียง | ความถี่ | คำแนะนำ |
---|---|---|
คลื่นไส้ ท้องเสีย | พบบ่อย | ดื่มน้ำมากๆ หากอาการรุนแรงให้ปรึกษาแพทย์ |
เส้นเอ็นอักเสบ | พบน้อย | หยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที |
ภาวะประสาทส่วนปลาย | พบน้อยมาก | แจ้งแพทย์หากมีอาการชาหรือรู้สึกเสียวแปลบ |
สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
เพื่อความปลอดภัย ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับข้อมูลต่อไปนี้:
- ประวัติการแพ้ยา: เช่น การแพ้ Ciprofloxacin หรือยาในกลุ่ม Quinolones/Fluoroquinolones (เช่น Ofloxacin, Levofloxacin, Moxifloxacin, Nalidixic Acid, Norfloxacin)
- ยาที่ใช้อยู่: รวมถึงยาที่แพทย์สั่ง, ยาที่ซื้อมาเอง, วิตามิน, อาหารเสริม, และสมุนไพร
- โรคประจำตัว: เช่น
- โรคเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ, โรคข้ออักเสบ, โรคหืด, โรคกระเพาะ
- สมองเป็นอัมพาต, ภาวะสมองเสื่อม, ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ, โรคลมชัก, โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคตับ, โรคไต, โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis)
- โรคเบาหวาน (Ciprofloxacin อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำ ควรตรวจน้ำตาลบ่อยขึ้น)
- กิจวัตรที่กระทบต่อเอ็น: เช่น นักกีฬาที่ใช้เอ็นมาก
- การตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: รวมถึงการวางแผนตั้งครรภ์
- การผ่าตัด: รวมถึงการผ่าตัดฟัน
- การตรวจร่างกาย: เช่น การเอ็กซเรย์หรือเอ็กซเรย์สมอง
ข้อห้ามใช้ Ciprofloxacin
- ผู้ที่แพ้ Ciprofloxacin หรือยาในกลุ่ม Fluoroquinolones
- เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี (ยกเว้นกรณีที่จำเป็น เช่น การติดเชื้อรุนแรง) เพราะอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูก
- ผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (QT Prolongation)
การใช้ Ciprofloxacin ร่วมกับยาอื่น
- ยาขยายหลอดลม (เช่น Theophylline): อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการชักหรือหัวใจหยุดเต้น
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น Warfarin): อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก
- ยาที่ทำให้เกิด QT Prolongation (เช่น Amiodarone): เพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID (เช่น Ibuprofen): อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการชัก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกัน
- ยาลดกรดหรือผลิตภัณฑ์ที่มีแคลเซียม, แมกนีเซียม, อลูมิเนียม: เช่น นม, โยเกิร์ต, วิตามินที่มีแร่ธาตุเหล่านี้ ควรรออย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังรับประทานผลิตภัณฑ์เหล่านี้
- เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน: อาจเพิ่มผลข้างเคียง เช่น ใจสั่นหรือนอนไม่หลับ
วิธีเก็บรักษา Ciprofloxacin
- เก็บที่อุณหภูมิห้อง (20-25 องศาเซลเซียส) หลีกเลี่ยงความชื้น ความร้อน และแสงแดด
- เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ห้ามใช้ยาที่หมดอายุ และทิ้งยาที่เหลืออย่างถูกวิธี (เช่น นำไปคืนที่โรงพยาบาลหรือร้านยา)
คำแนะนำเพิ่มเติมจากเภสัชกร
- อย่าใช้ยาโดยไม่จำเป็น:
- Ciprofloxacin ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น การใช้โดยไม่จำเป็น (เช่น รักษาไข้หวัด) อาจทำให้เกิดการดื้อยา ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ร้ายแรง
- การดูแลขณะใช้ยา:
- หากมีอาการท้องเสียเล็กน้อย ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ทดแทน
- หากปวดศีรษะ สามารถใช้ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ได้ แต่หลีกเลี่ยง NSAID
- หากรู้สึกไม่สบายท้อง ให้รับประทานอาหารน้อยแต่บ่อยครั้ง
- หากมีอาการเวียนศีรษะหรืออ่อนเพลีย หลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร
- ติดตามผลการรักษา:
- หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วันหลังเริ่มใช้ยา หรืออาการแย่ลง ให้กลับไปพบแพทย์ อาจต้องเปลี่ยนยาหรือตรวจเพิ่มเติม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ยา Ciprofloxacin
1. Ciprofloxacin ใช้รักษาอะไร?
Ciprofloxacin เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI), ไซนัสอักเสบ, ปอดบวม, กระเพาะปัสสาวะอักเสบ, และการติดเชื้อที่ผิวหนัง ควรใช้ยานี้ตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
2. วิธีใช้ยา Ciprofloxacin อย่างไรให้ถูกต้อง?
ควรรับประทานยา Ciprofloxacin ตามที่แพทย์สั่ง โดยทั่วไปรับประทานวันละ 1-2 ครั้ง พร้อมหรือไม่มีอาหารก็ได้ ควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อป้องกันการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร และควรรับประทานให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว เพื่อป้องกันการดื้อยา
3. ผลข้างเคียงของ Ciprofloxacin มีอะไรบ้าง?
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ คลื่นไส้, ท้องเสีย, อาเจียน, ปวดท้อง, และผื่นแดง ในบางกรณีอาจพบผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น เส้นเอ็นอักเสบหรือฉีกขาด (โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ), อาการแพ้รุนแรง (เช่น หายใจลำบาก, บวม), หรืออาการทางระบบประสาท (เช่น ชัก, สับสน) หากมีอาการรุนแรง ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์ทันที
4. ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา Ciprofloxacin?
ผู้ที่แพ้ยาในกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน, เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี (ยกเว้นกรณีที่แพทย์พิจารณาว่าจำเป็น), หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และผู้ที่มีประวัติโรคเส้นเอ็นอักเสบจากยาในกลุ่มนี้ ไม่ควรใช้ยานี้ ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวก่อนใช้
5. Ciprofloxacin สามารถใช้ร่วมกับยาอื่นได้หรือไม่?
ควรระวังการใช้ Ciprofloxacin ร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยาลดกรด (Antacids), ผลิตภัณฑ์ที่มีแคลเซียม, เหล็ก, หรือสังกะสี เพราะอาจลดการดูดซึมของยา ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ Ciprofloxacin อาจเพิ่มผลข้างเคียงของยา Warfarin (ยาต้านการแข็งตัวของเลือด) ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ทั้งหมด
6. ควรระวังอะไรบ้างเมื่อใช้ยา Ciprofloxacin?
- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง เนื่องจากยานี้อาจทำให้ผิวไวต่อแสง (Photosensitivity) ซึ่งอาจทำให้เกิดผื่นแดงหรือผิวไหม้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันการเกิดผลึกในปัสสาวะ
- ห้ามใช้ยานี้หากมีอาการแพ้ เช่น ผื่นแดง, หายใจลำบาก หรือบวมที่หน้า
- ปรึกษาแพทย์ทันทีหากมีอาการปวดหรือบวมที่เส้นเอ็น โดยเฉพาะบริเวณข้อเท้าหรือแขน
7. หากลืมรับประทานยา Ciprofloxacin ต้องทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าใกล้ถึงเวลารับประทานครั้งถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไปและรับประทานตามตารางปกติ ห้ามรับประทานยาเพิ่มเป็น 2 เท่าเพื่อชดเชยมื้อที่ลืม
8. Ciprofloxacin มีผลต่อการขับขี่หรือการทำงานหรือไม่?
ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะหรือสับสนในบางคน ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานกับเครื่องจักรที่ต้องใช้ความระมัดระวัง จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีผลข้างเคียงดังกล่าว
สรุป: ใช้ Ciprofloxacin อย่างมั่นใจและปลอดภัย
Ciprofloxacin (ซิโพรฟลอกซาซิน) เป็นยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ทางเดินปัสสาวะอักเสบ, ปอดบวม, และท้องร่วงจากแบคทีเรีย แต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง รับประทานตามคำแนะนำของแพทย์ ใช้ยาให้ครบตามกำหนด และหลีกเลี่ยงการรับประทานพร้อมผลิตภัณฑ์ที่มีแคลเซียม สังเกตอาการแพ้ยา เช่น ผื่น, หายใจลำบาก และผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ปวดเอ็น, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, หรือท้องเสียรุนแรง หากมีอาการผิดปกติ ให้หยุดยาและพบแพทย์ทันที การใช้ยาอย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณหายจากการติดเชื้อได้อย่างปลอดภัย
การเข้าถึง Ciprofloxacin ในประเทศไทย
Ciprofloxacin เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ มีให้บริการในโรงพยาบาลและร้านขายยาที่ได้รับอนุญาต เช่น รพ.สต. และโรงพยาบาลเอกชน กรุณาปรึกษาแพทย์เพื่อรับใบสั่งยาและข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา Ciprofloxacin เพื่อให้มั่นใจว่าเหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของตนเอง
เอกสารอ้างอิง
ทบทวนวันที่ 15/1/2566
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว