หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
ธรรมชาติบำบัดเป็นการรักษาหรือป้องกันโรค โดยมีความเห็นว่าโรคต่างๆเกิดจากมลภาวะเป็นพิษและสาร toxin ในสิ่งแวดล้อม หากท่านแพ้อาหารหรือเป็นภูมิแพ้ โดยเฉพาะแพ้อาหาร หอบหืด น้ำมูกไหล ไซนัสอักเสบ แพทย์ที่ดูแลเกี่ยวกับโรคนี้จะช่วยท่านเยียวยาแก้ไข
วิธีการรักษา
แพทย์ธรรมชาติบำบัดจะมีการรักษาได้หลายวิธี บางท่านอาจจะใช้วิธีเดียว บางท่านอาจจะใช้หลายวิธี วิธีการรักษาแบ่งได้เป็น
ก่อนการรักษาแพทย์จะวินิจฉัยเพื่อให้ทราบแน่ชัดว่าอะไรคือปัญหาจะได้รักษาได้ถูกต้อง
โภชนะบำบัด DIET MODIFICATION
การปรับเปลี่ยนอาหารเป็นวิธีที่สำคัญที่สุดของธรรมชาติบำบัด โดยแพทย์จะต้องซักประวัติให้ทราบหรือสงสัยว่าน่าจะเกิดจากอาหารชนิดใดมากที่สุด หลังจากนั้นก็จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงสารอาหารชนิดนั้น หากอาการดีขึ้นก็แสดงว่าแพ้สารอาหารนั้น หากอาการไม่ดีขึ้นแพทย์ก็จะทดสอบว่าสารอาหารชนิดไหนที่แพ้ โดยการทดสอบโดยฉีดสารอาหารนั้นเข้าใต้ผิวหนัง หากมีตุ่มแดงเกิดขึ้นแสดงว่าแพ้อาหารนั้น อาการที่แพ้ได้บ่อยคือ นมและผลิตภัณฑ์ของนม แป้งสาลี ยีสต์ ข้าวโพด ไข่ ถั่วเหลือง ถั่วต่างๆ มะเขือเทศ หอย
การฉีดสร้างภูมิ
เป็นการฉีดสารที่แพ้ปริมาณเล็กน้อยเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต่อสิ่งที่แพ้นั้น เมื่อร่างกายเจอสิ่งที่แพ้ก็จะเกิดความทนต่อสารภูมิแพ้นั้น แรกๆอาจจะฉีดทุกสองเดือนเมื่อตอบสนองดีก็อาจจะฉีดปีละ 2 ครั้ง
การขับสารโลหะหนัก CHELATION THERAPY
การขับโลหะหนักทำได้โดยการฉีดสาร ethylenediaminetetraacetic acid (EDTA) ซึ่งจะจับกับโลหะหนัก เช่นตะกั่ว เหล็ก ทองแดง แคลเซียม
การขับโลหะหนักโดยวิธี HEAT DEPURATION
การขับวิธีนี้ทำได้โดยให้คนไข้อยู่ห้อง sauna ที่อุณหภูมิ 150 องศาฟาร์เรนไฮ ซึ่งคิดว่าเป็นอุณหภูมิที่ร่างกายขับสารพิษออกจากร่างกายโดยใช้เวลา 15-40 นาทีวันละ3-4 ครั้งและจะต้องทำร่วมกับการขับสารโลหะหนักหรือการสลายพิษ เช่นการออกกำลังกาย การนวด การให้โภชนะบำบัด
โรคอะไรที่ใช้การรักษาแบบธรรมชาติบำบัด
การรักษาแบบธรรมชาติบำบัดนี้จะเป็นการรักษาแบบเสริมจากการรักษาปกติโดยมากแพทย์ผู้รักษาว่าจะได้ผลดีร้อย% โรคที่มักจะกล่าวอ้างว่าได้ผลคือ แพ้อาหาร ภูมิแพ้ แพ้สารเคมี โรครูมาตอยด์ ไมเกรน หอบหืด สำหรับโรคที่ใช้ธรรมชาติบำบัดแล้วสามารถทำให้อาการดีขึ้นได้แก่ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ปวดประจำเดือน ท้องร่วง
ไม่ควรใช้ธรรมชาติบำบัดในคนกลุ่มใด