การติดเชื้อราดำ Mucormycosis พบน้อยเกิดจากการติดเชื้อรากลุ่ม mucormycetes ซึ่งพบใน
เชื้อนี้ให้เกิดการติดเชื้อที่ ไซนัส ติดเชื้อที่ปอด ผิวหนัง ตาและสมอง มักจะติดเชื้อในคนที่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อน เช่น โรคเบาหวาน โรคที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี หรือกลุ่มคนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการน้ำท่วม แผ่นดิไหว พายุ โดยเชื้อจะเข้าตามบาดแผล คนปกติอาจจะติดเชื้อจากการหายใจเอาเชื้อนี้เข้าไป หรือเข้าตามผิวหนังที่มีแผลเมื่อเราไปสัมผัสกับน้ำ หรือดิน
ใครที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อราดำ
การดำเนินชีวิตปกติเราจะสัมผัสกับราดำ แต่ไม่เกิดโรคเนื่องจากภูมิคุ้มกันที่ดีของคน แต่หากคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากโรคหรือยาก็จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อราดำ ภาวะดังกล่าวได้แก่
- โรคเบาหวานโดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมเบาหวานไม่ดี
- โรคมะเร็ง
- การปลุกถ่ายอวัยวะ
- การปลุกถ่ายเซลล์ต้นแบบ Stem cell transplant
- ผู้ที่มีเม็ดเลือดขาวต่ำ
- ผู้ที่ใช้ steroid เรื้อรัง
- ผู้ที่มีฐาตุเหล็กในเลือดสูง
- ผู้ที่ขาดสารอาหาร
- ทารกคลอดก่อนกำเนิด
- ภาวะกรดในเลือด
- แผลไฟไหม้
- ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว พายุ
โรคติดเชื้อราดำไม่ใช่โรคติดต่อ
อาการของการติดเชื้อราดำ
การติดเชื้อราดำมีกลุ่มอาการห้ากลุ่มได้แก่
- กลุ่มอาการติดเชื้อทางเดินหายใจและสมอง(Rhinocerebral mucormycosis) เป็นการติดเชื้อที่พบบ่อยที่สุด การติดเชื้อพบในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมไม่ดี ผู้ป่วยปลุกถ่ายไต ผู้ป่วยปลุกถ่ายไขกระดูกการติดเชื้อราดำจะเริ่มในรูจมูก ลุกลามไปยังไซนัส ไปที่กระบอกตา และลามเข้าสมอง
อาการสำคัญได้แก่
- หน้าบวมด้านเดียว ปวดใบหน้า
- ปวดศีรษะ โรคแทรกซ้อนที่สำคัญของการติดเชื้อราดำทางจมูกคือเชื้อราดำลุกลามเข้าสมองทำให้เกิดการอักเสบของสมอง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศรีษะ บวม และแดงส่วนหน้าผาก บางรายอาจจะมีปัญหาเรื่องความจำ ซึมลง
- บวมบริเวณแก้มข้างหนึ่ง รวมทั้งจมูก และบวมขอบตาร่วมกับอาการปวดบริเวณโหนกแก้มข้างหนึ่ง เชื้ออาจจะลามมาที่ผิวหนังทำให้เห็นเป็นแผลดำซึ่งเป็นอาการที่สำคัญของการติดเชื้อราดำที่ไซนัส
- คัดจมูก น้ำมูกไหล เชื้อราดำจะทำให้มีการอักเสบของไซนัสและช่องจมูกทำให้เกิดอาการคัดจมูกข้างเดียว และมีน้ำมูก
- มีไข้
- หากเชื้อลุกลามจะมีอาการหนังตาตก มีปัญหาเรื่องสายตา
- เห็นรอยแผลดำที่สันจมูกหรือในปาก เชื้อราดำอาจจะมีการทำลายกระดูกโหนกแก้ม ขากรรไกร จมูก บวมเนื้อเยื่อในช่องจมูกและมีสะเก็ดสีดำ
- มีปัญหาเรื่องการมองเห็น เชื้อราดำอาจจะทำลายเส้นประสาทตา ทไให้มัปัญหาการมองเห็น บางรายตาบอดถาวร
- กลุ่มอาการติดเชื้อในปอด(Pulmonary mucormycosis) มักจะเกิดกับคนไข้ที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือด และมีเม็ดเลือดขาวต่ำมาก ผู้ป่วยจะมีอาการ
- ไข้
- ไอ
- เจ็บหน้าอก
- หายใจลำบาก
- มักจะลุกลามไปหลอดเลือดทำให้เกิดโพรงในปอด แะไอเป็นเลืด
- กลุ่มอาการติดเชื้อที่ผิวหนัง(Cutaneous mucormycosis) การติดเชื้อที่ผิวหนังอาจจะเกิดผิวหนังที่ได้รับบาดเจ็บเช่นไฟไหม้ หรือได้รับบาดเจ็บอื่นๆได้รับเชื้อโดยตรง ทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าว บวม แดง มีหนองและมีเนื้อตายสีดำ การติดเชื้ออีกชนิดหนึ่งเชื้อมาตามกระแสเลือดทำให้ผิวหนังอักเสบ บวม แดง
- ปวดบริเวณแผล
- ร้อนรอบแผล
- แดงรอบแผล
- บวมรอบแผล
- กลุ่มอาการติดเชื้อทางเดินอาหาร(Gastrointestinal mucormycosis) พบน้อยเกิดจากคนได้รับประทานเชื้อ มักจะพบในทารกคลอดก่อนกำหนด หรือผู้ที่ขาดอาหาร จะมีอาการ
- ปวดแน่นท้อง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อาจจะมีเลือดออกทางเดินอาหาร
- กลุ่มอาการแพร่กระจายตามกระแสเลือด(Disseminated mucormycosis) หากมีการติดเชื้อและเชื้อนั้นแพร่กระจายไปตามกระแสเลือด ตำแหน่งที่เชื้อไปได้แก่ สมอง ม้าม หัวใจ ผิวหนัง อาการของโรคในกลุ่มนี้ขึ้นกับว่าติดเชื้อที่อวัยวะไหน และมีอาการตามอวัยวะที่ติดเชื้อ
การติดเชื้อราดำอาจจะมีการแพร่กระจายไปตามกระแสเลือดที่เรียกว่าโลหิตเป็นพิษ เชื้อราดำจะไปยังม้าม หัวใจ ในรายที่มีอาการรุนแรงจะทำให้ผู้ป่วยหมดสติ
การวินิจฉัยติดเชื้อราดำ
- การวินิจฉัยโรคเริ่มจากประวัติการเจ็บป่วยในอดีตว่ามีโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงหรือไม่ ประวัติยาที่รับประทาน นอกจากนั้นก็ประวัติพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อว่ามีหรือไม่
- ประวัติต่อมาก็ประวัติการเจ็บป่วยครั้งนี้ เรื่องไข้ น้ำมูก ไอ ปวดหัว ปวดจมูก
- การตรวจร่างกายจะเน้นตามประวัติการเจ็บป่วย
- การตรวจพิเศษ ขึ้นกับอวัยวะที่ติดเชื้อ เช่นหากสงสัยไซนัสก็ต้องตรวจรังสีไซนัส หากสงสัยว่าติดเชื้อในปอดก็ต้องตรวจรังสีปอด หรือการตรวจ CT
- การตรวจชิ้นเนื้อ และการเพาะเชื้อเพื่อยืนยันการวินิจฉัย
การรักษาเชื้อราดำ
เมื่อได้รับการวินิจฉัยจะต้องรีบให้การรักษาให้เร็วที่สุด การรักษาจะต้องประกอบไปด้วยการผ่าตัดเอาเนื้อตายทิ้งและการรักษาด้วยยารักษาเชื้อราได้แก่
- Amphotericin B
- Isavuconazole
- Posaconazole
ในช่วงแรกแพทย์จะให้ยาขนาดสูงทางน้ำเกลือ เมื่อควบคุมโรคได้แพทย์จะลดขนาดยาลง และอาจจะเปลี่ยนเป็นยารับประทาน
ผู้ป่วยที่เป็นมากหรืออาการรุนแรง แพทย์อาจจะต้องผ่าเอาเนื้อตายออก เช่นที่จมูก ตา
นอกจากนั้นจะต้องรักษาโรคประจำตัวด้วย
โรคแทรกซ้อนของการติดเชื้อราดำ
โรคแทรกซ้อนที่สำคัญได้แก่
- ตาบอด
- เกิดลิ่มเลือดอุดหลอดเลือด
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- มีการทำลายเส้นประสาท
- เลือดออกในปอด
- เลือดออกทางเดินอาหาร
การป้องกันการติดเชื้อราดำ
สภาพอากาศปกติจะมีเชื้อราดำน้อย คนเราจะได้เชื้อราดำจากสิ่งแวดล้อมที่มีเชื้อมากดังกล่าวข้างต้น
การป้องกันที่ดีคือการลดโอกาศที่จะสูดดมเชื้อราดำ
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีฝุ่น หรือดิน เช่นสถานที่ก่อสร้าง หรือสถานที่มีการขุด หากจำเป็นต้องเข้าในบริเวณดังกล่าวจะต้องสวมหน้ากาก N95
- หลีกเลี่ยงแหล่งน้ำติดเชื้อ เช่นน้ำขังหลังน้ำท่วม น้ำขังบริเวณก่อสร้าง
- หากผิวหนังมีแผลให้ล้างแผลด้วยน้ำสบู่
- หากท่านมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมเกี่ยวกับฝุ่น ดิน เช่นการทำสวน ขุดดิน หากจำเป็นต้องมีกิจกรรมดังกล่าวให้สวมถุงมือ สวมรองเท้า สวมเสื้อแขนยาว สวมถุงมือเมื่อเสร็จงานให้ล้างเครื่องมือด้วยน้ำสบู่ และรีบอาบน้ำ
การติดเชื้อราดำในผู้ป่วยโควิด
https://www.cdc.gov/fungal/diseases/mucormycosis/index.html
https://www.webmd.com/lung/mucormycosis-black-fungus-infection
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3286196/