การรักษาโรคฉี่หนู
ผู้ป่วยโรคฉี่หนูหรือเลปโตสไปโรซิสส่วนใหญ่มีการพยากรณ์โรคดีถ้าได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว และการรักษาที่เหมาะสม ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมักเกิดจากไม่ได้รับการวินิจฉัย และการรักษาที่ทันท่วงทีทำให้มีการดำเนินโรคต่อไป เป็นผู้ป่วยที่มีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงซึ่งบางครั้งไม่สามารถให้การรักษาได้ในปัจจุบัน เช่น ไอเป็นเลือดที่รุนแรง การหายใจล้มเหลว หรือไตวาย เป็นต้น
จาการทบทวนข้อมูลอาการทางคลินิกดังกล่าว แล้วร่วมกับประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงของแพทย์ในถิ่นระบาดพอสรุปเป็นเกณฑ์ในเบื้อต้นว่า เมื่อให้การวินิจฉัยว่า เป็นผู้ป่วยที่สงสัยทางคลีนิคว่าเป็นเปลโตสไปโรซิส และยังไม่พบภาวะแทรกซ้อน ประวัติและการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ผิดปกติต่อไปนี้ตั้งแต่แรกรับ อาจใช้ในการพยากรณ์โรคเบื้องต้น
- ประวัติไอแห้ง ๆ หรือไอเป็นเลือด หรืออัตราการหายใจมากกว่า 24 ครั้งต่อนาที หรือมีอาการหอบเหนื่อย
- ตรวจพบความดันโลหิต systolic <90 mm.Hg. หรือมี orthostaatic hypotension
- CBC ถ้าพบว่ามี leukocytosis (white cell count > 12,000/ cu.mm.) หรือ leukopenia (white cell count < 4,000/cu.mm.) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพบภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- การตรวจปัสสาวะถ้าพบความผิดปกติต่าง ๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น โปรตีนในปัสสาวะมากกว่า 2+ , มีเม็ดเลือดขาดหรือเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น เป็นต้น
- พบความผิดปกติจากภาพถ่ายรังสีปอด
- ความผิดปกติของการทำงานของตับหรือไตอย่างใดอย่างหนึ่งหรือร่วมกัน ได้แก่ total bilirubin , SGOT , SGPT , BUN , creatinige สูงขึ้น เป็นต้น
ผู้ป่วยที่มีประวัติหรือการตรวจพบข้อใดข้อหนึ่งดังกล่าวควรรับไว้ในรักษาในโรงพยาบาล หรือส่งต่อไปยังโรงพยาบาลจังหวัด หรือโรงพยาบาลศูนย์เพื่อเฝ้าระวังติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดและให้การดูแลรักษาตามอาการของภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ผู้ที่มีอาการรุนแรง
- ควรให้ยาpenicillin,tetracyclin,streptomycin,erythromycin เป็นยาที่ใช้ได้ผลในโรคนี้
และควรจะได้รับยาภายใน 4-7
วันหลังเกิดอาการของโรค
ผู้ที่มีอาการปานกลางอาจจะเลือกยาดังนี้
การรักษาตามอาการและภาวะแทรกซ้อน
ในรายที่มีอาการไข้เฉียบพลันโดยไม่มีภาวะแทรกว้อนหรือการตรวจพบดังกล่าวข้างต้น ได้แก่ การให้ยาลดไข้ เป็นต้น ส่วนในรายที่มีอาการรุนแรงหรือมีการตรวจพบอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งบ่งชี้ว่าอาจมีการดำเนินโรคที่รุนแรงต่อไปได้ ควรรับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อให้มีเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด เช่น
- การติดตาม vital signs โดยเฉพาะการวัดความดันโลหิต
- และการตวงปัสสาวะบ่อย ๆ ในระยะแรก ถ้าพบว่ามีอาการแสดงของการขาดสารน้ำ เช่น orthostatic hypotension หรือ hypotension หรือปัสสาวะออกน้อยหรือเริ่มมีความผิดปกติของการทำงานของไต (BUN , creatinine สูง) ควรให้สารน้ำอย่างเพียงพอ ร่วมกับยาที่ขยายหลอดเลือดไต หรือยาขับปัสสาวะถ้าจำเป็น แล้วติดตามวัดปริมาณปัสสาวะเพื่อประเมินผลการรักษา ต้องระวังการเกิด volume overload ด้วยในรายที่ปัสสาวะออกน้อย
- การให้ยาลดไข้
- การให้ยาแก้ปวด
- การให้ยากันชัก
- การให้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน
- การให้สารน้ำและเกลือแร่
การรักษาโรคแทรกซ้อน
- หากเกล็ดต่ำหรือเลือดออกง่ายก็อาจจะจำเป็นต้องให้เกล็ดเลือดหรือน้ำเหลือง
- การแก้ภาวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ
- การแก้ปัญหาตับวาย
- การแก้ปัญหาไตวาย
การรักษาจำเพาะ
ผู้ป่วยซึ่งอาการไม่รุนแรงอาจหายได้เองโดยไม่ได้รับยาต้านจุลชีพ
ส่วนในรายที่มีอาการรุนแรง การรักษาด้วยยา
- เพนนิซิลิน ยังเป็นยามาตรฐานที่ใช้ในการรักษาโรคนี้โดยทั่วไป ขนาดที่ใช้ได้แก่ 1.5 ล้านยูนิต ฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละ 4 ครั้ง
- นอกจากนั้นอาจใช้ยาแอมพิซิลินขนาด 4 กรัมต่อวันแบ่งฉีดเข้าหลอดเลือดดำครั้งละ 1 กรัม เป็นเวล่ 7 วัน
- และถ้าผู้ป่วยแพ้ยาในกลุ่มนี้อาจใช้ด็อกซี่ซัยคลินในขนาด 200 มิลลิกรัมต่อวันฉีดเข้าหลอดเลือดดำเป็นเวลานาน 5-7 วัน
- แต่ขณะนี้ไม่มียาด็อกซี่ซัยคลินชนิดฉีดจำหน่ายในประเทศไทย หรืออาจใช้ยาอิริโทรมัยซินได้เช่นเดียวกัน การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะดังกล่าวมีรายงานว่าช่วยลดความรุนแรงของโรคและภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ เชื้อนี้ดื้อต่อยาคลอแรมเฟนิคอล
รายที่อาการไม่รุนแรง
- อาจเลือกใช้ด็อกซี่ซัยคลินกินครั้งละ 100 มก.วันละ 2 ครั้งนาน 7 วัน
- หรือยาเอม็อกซี่ซิลินหรือ แอมพิซิลินเกินขนาด 500 มก.วันละ 4 ครั้งนาน 5-7 วัน และในรายที่ไม่สามารถวินิจฉัยแยกโรคจากสครับทัยฟัสได้ ควรเลือกใช้ยาด็อกซี่ซัยคลิน เพื่อให้สามารถรักษาได้ทั้งสองโรค
Prognostic factors associated with mortality
จากการศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่ออัตราตายยังมีน้อยมาก มีอัตราตายร้อยละ 18 พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราตาย ได้แก่
- การที่มีภาวะการหายใจลำบาก
- ภาวะไตวายที่มีปัสสาวะออกน้อย
- การพบภาพรังสีปอดผิดปกติแบบ alveolar infiltration
- การพบความผิดปกติจากการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบ repolarization abnormality
- และการพบว่ามีจำนวนเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นมากกว่า 12,900 ต่อลบ.มม.
โรคฉี่หนู | อาการโรคฉี่หนู | การวินิจฉัยโรคฉี่หนู | การรักษาโรคฉี่หนู