การดูแลผู้ที่ติดเชื้อ HIV
เมื่อสมัยก่อนใครที่มีญาติเป็นโรคเอดส์จะต้องปิดข้อมูลมิให้ใครรู้เพราะสังคมรังเกียจ
ญาติใกล้ชิดก็รังเกียจกลัวติดโรคทำให้ผู้ป่วยหมดที่พึ่ง
เป็นโรคก็น่าเห็นใจแล้วแต่สังคมยังรังเกียจทำให้ผู้ป่วยหมดกำลังใจ
ปัจจุบันสังคมยอมรับมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจที่จะมีชีวิตประกอบกับความรู้เกี่ยวกับโรคนี้มีเพิ่ม
การค้นพบยาต้านไวรัสเอดส์ใหม่ๆทำให้ผู้ป่วยมีอายุนานขึ้น
หากท่านมีญาติหรือคนรู้จักติดเชื้อ
HIV
ท่านต้องอ่านเพื่อที่จะไปดูแลผู้ป่วย ให้มีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนนานขึ้นการดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อ
HIV
เป็นความเครียดทั้งผู้ที่เป็นและผู้ดูแล
ท่านต้องเข้าใจผู้ป่วย และท่านต้องติดตามความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงการรักษาและการดูแล
สิ่งที่ผู้ดูแลต้องรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อ
HIV และโรคเอดส์
ท่านจะต้องรู้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรคติดเชื้อ
HIV และโรคเอดส์รายละเอียดท่านสามารถคลิกที่นี่
การดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์หรือติดเชื้อ
HIV
ต้องการพึ่งตัวเอง ท่านต้องให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ผู้ป่วยสามารถกำหนดตารางการทำงาน
การรับประทานอาหาร
การออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ
การผักผ่อน
หากผู้ป่วยสามารถปฏิบัติได้อย่างเคร่งคัดก็จะสามารถมีสุขภาพที่ดี
ต้องให้ผู้ป่วยหยุดสุรา
บุหรี่ และยาเสพติด
- ต้องให้ผู้ป่วยอยู่อย่างส่วนตัว
- พยายามให้ผู้ป่วยช่วยตัวเองให้มากที่สุดโดยเฉพาะการอาบน้ำ
การรับประทานอาหาร
- ห้องที่อยู่ควรจะสะอาด
แสงเข้าถึง
- ห้องที่อยู่ควรอยู่ใกล้ห้องน้ำ
- จัดทิสชู่ ผ้าเช็ดตัว
ผ้าเช็ดหน้าไว้ใกล้กับผู้ป่วยเมื่อจะหยิบใช้
- หากผู้ป่วยไม่เดินให้พยายามพลิกตัวผู้ป่วยทุกสองชั่วโมง
แผลกดทับ
ผู้ป่วยที่นอนอยู่กับที่จะเกิดแผลกดทับโดยมากมักจะเกิดบริเวณก้น
ส้นเท้า สะบัก
หรือบริเวณที่กดทับนานเกินสองชั่วโมง
วิธีป้องกันอาจจะใช้เตียงลมหรือเตียงน้ำ
เตียงลมจะมีมอเตอร์เป่าลมเข้าไปและจะเลื่อนตำแหน่งที่กดทับ
อาจจะใช้แผ่น gel หรือ form
รองบริเวณที่กดทับ
ผ้าปูเตียงต้องแห้งไม่มีรอยย่น
ต้องมั่นนวดบริเวณที่กดทับเช่น
ก้น สะโพก ข้อศอก ส้นเท้า
หากพบว่าผิวหนังเริ่มมีรอยแดงหรือมีแผลต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
การออกกำลังกาย
แม้ว่าผู้ป่วยที่นอนบนเตียงก็สามารถออกกำลังกายได้
โดยการที่ผู้ดูแลขยับแขน ขา
ข้อทุกข้อให้ขยับให้มากที่สุดเพื่อป้องกันข้อติด
และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังเนื้อเยื่อป้องกันแผลกดทับ
การหายใจ
หากผู้ป่วยหายใจลำบากก็ให้ผู้ป่วยนั่งเอาหมอนพิงหลัง(เตียงแบบของโรงพยาบาล)
และหากมีเสมหะซึ่งไม่สามารถไอออกมาก็ช่วยโดยการเคาะปอดและดูดเสมหะ
การป้องกันการติดเชื้อ
เนื่องจากผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงติดเชื้อได้ง่าย
ผู้ดูแลจำเป็นต้องป้องกันผู้ป่วยมิให้รับเชื้อโรคซึ่งมีวิธีการดังนี้
- การล้างมือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำลายเชื้อโรคให้ล้างมือบ่อยๆล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำ ล้างมือก่อนทำอาหาร ก่อนป้อนอาหาร ก่อนอาบน้ำให้ผู้ป่วย ต้องล้างมือทุกครั้งเมื่อจามหรือไอ
หรือเอามือจับจมูก ปาก อวัยวะเพศ เมื่อคนดูแลเปลื้อนเลือด น้ำเหลือง น้ำอสุจิจะต้องล้างมือทันที วิธีการล้างให้ล้างด้วยน้ำอุ่นและสบู่ 15 วินาที
- ปิดแผลของท่าน
ถ้าท่านมีแผล
หรือตุ่มน้ำที่ผิวหนังหรือการอักเสบที่ผิวหนังต้องระวังเป็นพิเศษที่จะนำเชื้อไปติดผู้ป่วยและอาจจะติดเชื้อจากผู้ป่วย
ท่านมีแผลต้องใช้พลาสเตอร์ปิดแผลสวมถุงมือ
- แยกคนไม่สบายออกจากผู้ที่ติดเชื้อ
หากมีสมาชิกในครอบครัวปวดเป็นไข้หวัดหรือโรคอื่นต้องแยกจากผู้ที่ติดเชื้อ
HIV
หากเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องสวมหน้ากากปิดปากและจมูก
- ห้ามคนไข้สุกใสเข้าใกล้ผู้ป่วย
ไข้สุกใสอาจจะทำให้ผู้ป่วย
HIV
เสียชีวิตได้ดังนั้นผู้ที่เป็นไข้สุกใสต้องไม่อยู่ห้องเดียวกับผู้ป่วยจนกระทั่งผื่นแห้ง
สำหรับผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยที่เป็นไข้สุกใสหากจะไปเยี่ยมผู้ที่ติดเชื้อ
HIV ต้องหลัง 3 สัปดาห์
ผู้ที่เป็นงูสวัดก็ไม่ควรเยี่ยมผู้ป่วยติดเชื้อ
HIV
และถ้าท่านอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคไข้สุกใสและท่านต้องดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ
HIV
ท่านต้องสวมหน้ากากปิดปากปิดจมูก
ล้างมือก่อนที่จะไปช่วยเหลือคนไข้
และอยู่ในห้องคนไข้ให้น้อยที่สุด
ถ้าหากผู้ที่ติดเชื้อ HIV
สัมผัสผู้ป่วยไข้สุกใสหรือโรคงูสวัดต้องแจ้งแพทย์ทราบทันที
- สมาชิกของผู้ที่ติดเชื้อ
HIV
ควรจะได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบเพื่อป้องกันโรคติดต่อไปยังผู้ป่วยและเพื่อให้แน่ใจอ าจจะต้องฉีดกระตุ้นอีกครั้ง
วัคซีนที่ต้องฉีดคือ หัด
หัดเยอรมัน คางทูม
สำหรับวัคซีนป้องกันโปลิโอต้องใช้ชนิดที่เชื้อตายแล้วเท่านั้น
- ระวังสัตว์เลี้ยงและการทำสวน
แม้ว่าการเลี้ยงสัตว์จะให้ความสุขกับผู้ป่วยแต่สัตว์ก็สามารถนำเชื้อไปสู่ผู้ป่วยได้
ผู้ที่ติดเชื้อ HIV
ไม่ควรจะสัมผัสกับกรง
กระบะอาหาร อุจาระของสัตว์
น้ำสำหรับเลี้ยงปลา
หากผู้ป่วยต้องสัมผัสสัตว์ต้องล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้ง
สำหรับผู้ที่ทำความสะอาดกรงหรือกระบะอาหารควรจะสวมถุงมือทุกครั้งและล้างมือทันที
สัตว์ที่เลี้ยงก็ต้องหมั่นฉีดวัคซีนและตรวจสุขภาพเป็นประจำ
เชื้อโรคสามารถพบได้ในดินดังนั้นต้องสวมถุงมือทุกครั้งที่ทำสวน
- การซักรีด
เสื้อผ้า
ผ้าปูที่นอนสามารถซักร่วมกับคนปกติได้โดยใช้ผงซักฟอกธรรมดา
แต่ผ้าที่เปื้อนเลือด
อุจาระ ปัสสาวะ น้ำอสุจิ
ให้ใช้ถุงมือจับใส่ถุงพลาสติกแยกไว้ต่างหากและล้างด้วยน้ำธรรมดาเพื่อล้างเลือดออกก่อน จึงค่อยซักธรรมดาไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ
HIV
เพราะการซักธรรมดาก็ฆ่าเชื้อได้
สำหรับเครื่องเรือนที่เปื้อนเลือดให้สวมถุงมือแล้วใช้น้ำสบู่ล้างออก
- การทำความสะอาดบ้าน
ทำความสะอาดอ่างล้างหน้า
ฝักบัว
บ่อยๆโดยใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ
พื้นบ้านต้องล้างอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
โถส้วมให้ล้างบ่อยๆโดยใช้น้ำยาธรรมดาล้างทำความสะอาด
- อาหาร
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV
สามารถรับประทานอาหารทุกชนิดยิ่งมากยิ่งดี
และควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย
แต่ก็มีข้อที่ต้องระวังคือ
- ห้ามดื่มนมที่ไม่ได้ฆ่าเชื้อ
- ห้ามรับประทานไข่ดิบ
เช่น mayonnaise, hollandaise sauce, ice cream, fruit drinks
- เนื้อสัตว์ต้องทำให้สุกโดยไม่พบเนื้อแดงในอาหาร
- ไม่รับประทานปลาหรือหอยสุกๆดิบๆ
- สำหรับคนเตรียมอาหารให้ล้างมือก่อนเตรียมอาหารทุกครั้งและล้างทุกครั้งเมื่อทำอาหารชนิดใหม่
- อุปกรณ์ที่ใช้เตรียมอาหารต้องล้างให้สะอาดก่อนนำมาปรุงอาหารใหม่
- ห้ามใช้ช้อนที่ชิมอาหารคนอาหาร
- อย่าให้อาหารที่เตรียมไว้ปนเลือดวัวหรือเลือดหมู
- ให้ล้างเขียงทุกครั้งที่จะทำอาหารชนิดใหม่
- ให้ล้างผักสดให้สะอาดและทำให้สุก
- ไม่ต้องแยกช้อน
จาน
ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ก็พอ
- ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไม่ควรเลียน้ำหรือจานระหว่างปรุงอาหาร
- อาหารร้อนต้องรับประทานขณะร้อน
อาหารเย็นต้องรับประทานขณะเย็น
การป้องกันตัวเอง
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV อาจจะนำเชื้อโรคมาติดผู้ดูแลได้ ท่านจะต้องรู้จักป้องกันตัวเอง ตัวอย่างเช่นหากผู้ป่วยติดเชื้อ HIV มีอาการท้องร่วงผู้ดูแลต้องสวมถุงมือขณะทำความสะอาดและให้ล้างมือเมื่อทำความสะอาดเสร็จ ถุงมือใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ผู้ที่ติดเชื้อ HIV หากมีอาการไอเกินกว่า 1 สัปดาห์ต้องไปพบแพทย์เพราะอาจจะเป็นวัณโรค หากผู้ป่วยเป็นวัณโรคสมาชิกในครอบครัวควรได้รับการตรวจว่าเป็นวัณโรคหรือไม่แม้ว่าจะไม่มีอาการไอ ผู้ป่วยที่มีตัวเหลืองตาเหลืองต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่าเป็นตับอักเสบหรือไม่ หากเป็นตับอักเสบผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ผู้ทีอยู่ในบ้านเดียวกันควรจะได้รับวัคซีน
ถุงมือ
เนื่องจากเชื้อ
HIV มีอยู่ในเลือด น้ำเหลือง
ปัสสาวะและอุจาระของผู้ป่วยผู้ดูแลต้องระวังการสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้โดยเฉพาะผู้ที่มีแผล
การดูแลสิ่งเหล่านี้ต้องสวมถุงมือทุกครั้ง
ถุงมือที่ใช้มีสองชนิดคือ
ถุงมือที่ใช้ทางการแพทย์ใช้ในกรณีต้องสัมผัสกับสิ่งที่มีเชื้ออยู่
ใช้แล้วทิ้งเลย
อีกชนิดหนึ่งคือถุงมือที่ใช้ตามบ้านไว้ใส่สำหรับทำความสะอาดบ้าน
การจัดการของเสีย
ของเสียของผู้ติดเชื้อ
HIV ได้แก่ เลือด น้ำเหลือง
ปัสสาวะ อุจาระ
อาเจียนควรจะเททิ้งในโถส้วมและกดล้างออกให้หมด
แต่ต้องระวังอย่าให้มีการกระเด็นเข้าตาหรือปาก
สำหรับผ้าอ้อม ผ้าอนามัย
ผ้าทำแผลควรจะใส่ถุงพลาสติกและปิดให้สนิทแล้วทิ้งในช่องขยะมีพิษอย่าลืมสวมถุงมือ
เมื่อผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้าย
เมื่อโรคดำเนินมาถึงระยะสุดท้ายก็คงหนีไม่พ่นการเสียชีวิต
ผู้ดูแลสามารถสังเกตสิ่งที่จะเกิดต่อไปนี้
- ผู้ป่วยจะนอนทั้งวันปลูกไม่ค่อยตื่น
ให้พยายามพูดคุยหรือดูแลขณะที่ตื่น
- ผู้ป่วยจะจำตัวเองไม่ได้
ไม่รู้วันเดือน สถานที่
ให้บอกผู้ป่วยถึงวัน เวลา
และบุคคล
- ผู้ป่วยจะควบคุมปัสสาวะและอุจาระไม่ได้
ต้องทำความสะอาดโดยใส่ถุงมือ
โรยแป้ง
- ผิวจะเย็นและมีสีคล้ำขึ้นเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดลดลง
ต้องห่มผ้าให้อบอุ่น
- ผู้ป่วยจะมีปัญหาเรื่องการได้ยินและการมองเห็น
- ผู้ป่วยจะกระสับกระส่าย ดึงผ้าคลุมเตียง ต้องพูดปลอบและให้ความมั่นใจว่ามีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา
- ผู้ป่วยจะไม่ดื่มน้ำและรับประทานอาหาร ต้องให้ใช้ผ้าเช็ดริมฝีปากเพื่อให้ปากชื้น
- ผู้ป่วยอาจจะไม่ปัสสาวะ
- หายใจเสียงดัง เนื่องจากมีเสมหะอยู่ในคอ การดูแลต้องให้ผู้ป่วยนอนหัวสูง หรือนอนตะแคง ถ้าผู้ป่วยพอกลืนได้ให้น้ำแข็งชิ้นเล็กๆ